สรรพคุณนับไม่ถ้วน คอลลาเจนไฮโดรไลเซท
หลายคนคงรู้จักคอลลาเจนกันเป็นอย่างดี และส่วนใหญ่ที่คุ้นหูและคุ้นเคยกันก็คงหนีไม่พ้นคอลลาเจนเปปไทด์ ซึ่งน้อยคนที่จะรู้จักกับคอลลาเจนอีก 1 ชนิด นั่นก็คือ คอลลาเจนไฮโดรไลเซท ก่อนจะพูดถึงคอลลาเจนไฮโดรไลเซท คงต้องขอเกริ่นนำไปถึงคอลลาเจนก่อนว่า คืออะไร และมีประโยชน์กับร่างกายของเราอย่างไรบ้าง
คอลลาเจนคืออะไร?
คอลลาเจนคือเป็นโปรตีนที่เปรียบเสมือนโครงสร้างหลักของร่างกาย เพราะในร่างกายของคนเรามีคอลลาเจนประกอบอยู่ถึง 90-95% กันเลยทีเดียว ซึ่งคอลลาเจนทำหน้าที่เหมือนกาวของชีวิต ที่คอยเชื่อมโยงเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกายเข้าไว้ด้วยกัน เกือบร้อยละ 70 จะพบคอลลาเจนในผิวหนัง ส่วนอีกร้อยละ 30 จะพบตามกระดูกกระดูกอ่อนข้อต่อ ผนังหลอดเลือด กล้ามเนื้อ และเลนส์ตา
ส่วนใหญ่เราจะพบคอลลาเจนในรูปแบบอาหารเสริม บำรุงผิวพรรณ ให้ผิวนุ่ม เต่งตึง อ่อนเยาว์ ลดรอยเหี่ยวย่นต่างๆ ซึ่งถือเป็นสรรพคุณเด่นของคอลลาเจนเลยทีเดียว คอลลาเจนจะถูกย่อยสลายลงตามช่วงวัย ยิ่งมีอายุมากขึ้นคอลลาเจนในร่างกายก็จะยิ่งลดลง เฉลี่ยลดลงปีละ 1.5% เมื่อใดที่ผิวขาดคอลลาเจนก็จะทำให้องค์ประกอบอื่นที่สำคัญในผิวถูกทำลายไปด้วย ได้แก่อิลาสติน ซึ่งทำหน้าที่เพิ่มความ ยืดหยุ่นให้ผิว และ ไฮยาลูโรนิค แอซิด ซึ่งมีหน้าที่กักเก็บน้ำ และให้ความนุ่มชุ่มชื่นแก่ชั้นผิว ช่วยให้ผิวสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ดี เมื่อองค์ประกอบทั้ง 2 ถูกทำลายส่งผลให้โครงสร้างของเนื้อเยื่อผิวโดยรวมทรุดตัว และเสื่อมสภาพตามไปด้วย อันเป็นบ่อเกิดของปัญหาผิว อาทิ ผิวหยาบ แห้งกร้าน มีริ้วรอย หย่อนคล้อย ขาดความกระชับ เต่งตึง ไม่เรียบเนียน เป็นต้น นอกจากนี้คอลลาเจน ยังมีประโยชน์กับสุขภาพในด้านอื่นๆ อาทิ ในผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกไม่แข็งแรง โรคกระดูกพรุน และไขข้อเสื่อมอีกด้วย
แล้วคอลลาเจนไฮโดรไลเซท คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร?
คอลลาเจนไฮโดรไลเซท
คอลลาเจนไฮโดรไลเซท (Hydrolyzed Collagen) หรือบางคนเรียกว่าไฮโดรไลเซท คอลลาเจน (Hydrolyzed Collagen) ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้กับคอลลาเจนในชั้นผิวของเรา ช่วยให้เซลล์ผิวมีความชุ่มชื้น อุ้มน้ำ มีความยืดหยุ่น ดูเต่งตึง ไม่หย่อนยาน นอกจากจะช่วยในเรื่องของผิวพรรณแล้ว คอลลาเจนไฮโดรไลเซทยังช่วยในเรื่องของเส้นผม ช่วยบำรุงเกล็ดผมให้แข็งแรง ผมหนา ดกดำ ไม่ขาดหลุดร่วง และยังช่วยบำรุงเล็บ ให้เล็บที่เปราะบาง กลับมาแข็งแรง
แล้วจะหาทานคอลลาเจนไฮโดรไลเซทได้จากที่ไหน?
อาหารเสริมคอลลาเจนไฮโดรไลเซท
ส่วนใหญ่คอลลาเจนไฮโดรไลเซท จะนิยมรับประทานในรูปแบบอาหารเสริม เม็ดยา หรือแคปซูล ซึ่งจะถูกดูดซึมเข้าสู่เซลล์ผิวชั้นลึกของร่างกายได้เป็นอย่างดี โดยปริมาณที่ควรรับประทานคอลลาเจนไฮโดรไลเซทต่อวันอยู่ที่วันละ 10 กรัม หรือประมาณ 10000 มิลลิกรัมต่อวัน และควรรับประทานคอลลาเจนไฮโดรไลเซทในขณะท้องว่าง หรือก่อนเวลาทานอาหาร 2-3 ชั่วโมง เพื่อประสิทธิภาพในการดูดซึมที่ดี โดยจะเริ่มรับประทานคอลลาเจนไฮโดรไลเซทได้ตั้งแต่วัยย่างเข้าวัยผู้ใหญ่ ตั้งแต่ช่วง 23 ปีเป็นต้นไป หรือคนที่มีภาวะผิวแห้ง ขาดความชุ่มชิ้น ก็สามารถเริ่มรับประทานได้เลยเช่นกัน เพราะยิ่งอายุมากขึ้น คอลลาเจนในร่างกายก็จะน้อยลงตามไปด้วย ยิ่งคอลลาเจนในร่างกายลดน้อยลงก็จะส่งผลให้ผิวพรรณค่อยๆ สูญเสียความชุ่มชื้น และเกิดการยุบตัวลง จากผิวพรรณที่เคยเรียบเนียน มีความชุ่มชื้น เต่งตึงในวัยเยาว์ ก็จะเริ่มมีริ้วรอยเหี่ยวย่น มีรอยตีนกา อันเป็นสัญญาณของความร่วงโรย หากไม่เริ่มดูแล หรือหมั่นเติมคอลลาเจนให้กับผิวตั้งแต่เนิ่นๆ ริ้วรอยก่อนวัยอันควรต้องมาเยือนคุณอย่างแน่นอน
ซึ่งไม่ใช่ทุกคนจะสามารถทานคอลลาเจนได้ อย่างที่กล่าวไปข้างต้น คอลลาเจนคือโปรตีนชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้ในทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งคอลลาเจนจะถูกสกัดจากเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของสัตว์ (วัวหรือ หมู) เช่น ไขข้อกระดูกข้อต่อ, กระดูกอ่อน, เอ็น,หนัง,กระดูก นอกจากนี้ก็ยังมีคอลลาเจนที่ผลิตจากหนังปลาทะเลน้ำลึกหรือปลาหมึก รวมถึงสาหร่ายทะเล
ดังนั้น คอลลาเจนจึงมีข้อยกเว้นสำหรับผู้ที่มีภาวะ ดังต่อไปนี้
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการแพ้โปรตีน หรืออ่อนไหวต่อการบริโภคโปรตีน หากมีประวัติแพ้โปรตีนจึงควรเลี่ยงการทานคอลลาเจน
- ผู้ที่มีอาการแพ้อาหารทะเล เพราะคอลลาเจนส่วนใหญ่ถูกสกัดมาจากปลาทะเลน้ำลึก หรือกระดูกปลา ดังนั้นผู้ที่มีอาการแพ้อาหารทะเลจึงไม่ควรรับประทานคอลลาเจน เพราะหากมีอาการแพ้ร้ายแรงอาจจะถึงขั้นแน่นหน้าอก หลอดลมตีบ ทำให้ผู้ป่วยหายใจไม่ออก เกิดเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
- ผู้ที่มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับตับและไ หากรับประทานคอลลาเจนอาจก่อให้เกิดความผิดปกติต่อระบบทางเดินอาหารได้
แล้วใครกันที่เหมาะแก่การรับประทานคอลลาเจนไฮโดรไลเซท
- สาวสวยที่ชอบใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำ
- ผู้สูงอายุที่มีอาการข้อเข่าเสื่อมหรือใครก็ตามที่มีอาการดังกล่าว
อาหารเสริมคอลลาเจนไฮโดรไลเซทรูปแบบใดที่ควรรับประทาน
อาหารเสริมคอลลาเจนไฮโดรไลเซทที่ควรค่าแก่การรับประทานคือ รูปแบบผงผสมละลายน้ำดื่ม
ดังนั้นสำหรับผู้ที่จะเลือกทานคอลลาเจน นอกจากจะทานเพราะความสวย ความงามของผิวพรรณ หรือจะทานเพื่อรักษาสุขภาพกระดูก ข้อต่อแล้ว ก็ควรคำนึงถึงสุขภาพของตนเป็นหลัก ควรทานคอลลาเจนในปริมาณที่องค์การอาหารและยากำหนด ไม่ควรทานในปริมาณที่มากจนเกินไป และหากมีอาการแพ้ควรหยุดรับประทานและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยทันที
บำรุงผิวหน้าให้เต่งตึงสดใส ด้วยการทานคอลลาเจนและตบด้วยครีมคอลลาเจนหน้าใสก่อนนอน
Write a comment