การออกกำลังกายที่ทำได้ง่ายๆ ไม่ต้องมีอุปกรณ์เสริม ทำที่ไหนก็ได้ และยังช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็ว คือการ “วิ่ง” ถือได้ว่าการออกกำลังกายด้วยวิธีนี้เราสามารถทำได้ง่ายๆ และสะดวกเพราะแค่เรามีรองเท้าเพียงแค่คู่เดียว ก็สามารถออกกำลังกายและมีสุขภาพที่ดีได้แล้ว แถมวิธีนี้ยังช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักได้ดีเลยที่เดียว
แต่ถึงแม้ว่าการออกกำลังกายด้วยวิธีนี้จะเป็นเรื่องง่าย การวิ่งให้ถูกวิธีก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเชื่อว่าบางคนก็ยังวิ่งแบบผิดวิธีอยู่ และอาจจะส่งผลให้ร่างกายของเราบาดเจ็บทั้งภายนอก ภายในได้เช่นกัน ดังนั้นวันนี้เราก็จะมาบอกวิธีในวิ่งให้ถูกต้อง รวมไปถึงการเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนที่จะเริ่มวิ่งกัน ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลยจ้า !!!!
ขั้นตอนการเตรียมตัวและข้อควรคำนึงก่อนวิ่ง
-
Warm Up & Cool Down
ขั้นตอน Warm Up นี้เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญมากที่สุดในการเริ่มวิ่ง เราควรที่จะยืดเส้นยืดสายของกล้ามเนื้อเสียก่อน จากนั้นเดินหรือวิ่งช้าๆ เพื่อเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายให้สูงขึ้น วิธีนี้จะทำให้การไหลเวียนของโลหิตในร่างกายของเราดีขึ้น เพิ่มความอดทนของร่างกายและที่ต้องเคลื่อนไหวเร็วขึ้นหรือเป็นเวลานาน เพื่อลดโอกาสในการเจ็บขา เข่า หลัง และสะโพก เป็นต้น วิธีนี้ใช้เวลาอันน้อยนิดแต่รับรองว่าได้ผลมาก
และในส่วนของขั้นตอน Cool Down ก็เป็นวิธีที่ทำหลังจากเราวิ่งจบแล้ว การเต้นของหัวใจและอุณหภูมิในร่างกายจะสูงขึ้นกว่าปกติเราควรที่จะเดินหรือวิ่งช้าๆ ต่อไปสักระยะหนึ่งไม่ควรที่จะหยุดกระทันหันเพราะอาจจะส่งผลให้เราหน้ามืดได้ และเพื่อให้การเต้นของหัวใจและอุณหภูมิในร่างกายกลับมาสู่สภาวะปกติ จากนั้นก็ทำการยืดกล้ามเนื้อต่อ ก็จะถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่สมบูรณ์แล้ว
-
การวางเท้า
เราเชื่อว่าหลายๆคนน่าจะเคยสงสัยในเรื่องของการวางเท้าที่ถูกต้องสำหรับการวิ่งออกกำลังกาย เราควรจะวิ่งท่าไหน? วิ่งด้วยหน้าเท้า กลางเท้า หรือส้นเท้าท่าไหนถูกต้องที่สุด ซึ่งความจริงแล้วไม่ได้มีท่าไหนที่ถูกต้องถูกที่สุดท่าใดท่าเดียวไม่มีค่ะ!!
แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนว่าถนัดแบบไหนในการวิ่ง ขึ้นออยู่กับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับระยะทางที่เราวิ่งด้วย และก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของเรา แต่ไม่ว่าจะวิ่งด้วยท่าแบบไหนก็ตามเราควรที่จะคำนึงถึงความแข็งแรงกล้ามเนื้อด้วย
-
ฝึกการหายใจ
ในขณะที่เราวิ่งหลายคนอาจจะเคยประสบปัญหาการหายใจไม่ทัน วิ่งนิดวิ่งหน่อยก็เหนื่อย แต่ละคนจะมีช่วงของการหายใจของปอดที่ไม่เหมือนกัน เราควรที่จะทำยังไงก็ได้ที่ให้เราเก็บอากาศไปอยู่ในปอดให้เยอะที่สุด และมีการผ่อนคลายมากที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น หายใจเข้าทางจมูกและปล่อยลมหายใจออกพร้อมกันทั้งทางจมูกและทางปากการหายใจที่สัมพันธ์กันกับการเคลื่อนไหวของร่างกายจะช่วยให้เราวิ่งไปได้นานขึ้นและเร็วขึ้น
-
การเลือกเวลาวิ่ง
เป็นคำถามยอดฮิตที่หลายคนเคยสงสัยว่า ช่วงเวลาไหนดีต่อการออกกำลังกายมากที่สุด ตอนเช้า ตอนกลางวัน หรือตอนเย็นกันแน่? ซึ่งความเป็นจริงแล้วทางที่ดีที่สุดควรจะเลือกเวลาที่เราสะดวก และเหมาะสมกับเรามากที่สุดไม่ว่าเราจะออกกำลังกายเวลาไหนก้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นได้ดีที่สุด
และได้ประโยชน์ทั้งนั้น ซึ่งข้อดีและข้อเสียของการวิ่งหรือออกกำลังกายประเภทอื่นๆ แต่ละเวลาก็จะแตกต่างกันไป เราจะขอยกตัวอย่างข้อดีและข้อเสียในแต่ละช่วงเวลามาให้เพื่อนๆได้รู้กัน
ข้อดี-ข้อเสียของการออกกำลังกายในตอนเช้า
ข้อดี
– ช่วยกระตุ้นระบบการทำงานของร่างกายทุกส่วน ที่สำคัญช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกายได้ต่อเนื่องทั้งวัน
– อากาศในตอนเช้าตรู่จะสดชื่นมากกว่าในช่วงเวลาอื่น ทำให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าตื่นตัวมากขึ้น
ข้อเสีย
– หากเราพักผ่อนไม่เพียงพอก็จะทรงผลให้การดำเนินชีวิตระหว่างวันนั้นอ่อนเพลีย
ข้อดีและข้อเสียของการออกกำลังกายในตอนบ่าย
ข้อดี
– ช่วยลดความอยากอาหารหรือการกินจุบจิบระหว่างวัน รวมไปถึงการทานมื้อเย็นด้วย
– ช่วยในเรื่องของการผ่อนคลายความเครียดได้ดี
ข้อเสีย
– ระบบการหายใจอาจจะทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร
– อาจจะมีเวลาออกกำลังกายได้ไม่เต็มที่
ข้อดีและข้อเสียของการออกกำลังกายในตอนเย็นถึงค่ำ
ข้อดี
- ลดความอยากอาหารในมื้อเย็น
– ช่วยผ่อนคลายความเครียด หลับสบาย
ข้อเสีย
– ควรหาสถานที่ที่ปลอดภัย หรือออกกำลังกายในร่มแทน
– เผาผลาญไขมันสะสมช้า
สรุปเรื่องการออกกำลังกายโดยการ “วิ่ง”
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเลือกวิ่งในเวลาไหน วิ่งท่าไหนก็ตาม หากคุณกำหนดเวลา ระยะทางการวิ่งให้เหมาะสมกับร่างกาย ทำประเป็นจำทุกวัน การวิ่งออกกำลังกายนี้ก็จะทำให้สุขภาพร่างกายของคุณแข็งแรงขึ้นอย่างแน่นอน
Write a comment