ลดน้ำหนักฉบับผู้ชาย ต้องมีเทรนเนอร์ส่วนตัวไหม ?

การมีสุขภาพที่ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง เราหลาย ๆ คนมักที่จะได้ยินวลีนี้กันมานานแล้ว ซึ่งก็มีมุมมองที่ต่างกันออกไป เพราะบางคนก็อาจจะคิดว่าการมีเงินมันดีกว่า และใช่ค่ะมันดี๊ดีเลยมากเลยสำหรับเศรษฐกิจในยุคนี้ แต่ถ้าเอาแต่หาเงินจนร่างกายไปต่อไม่ได้นั่นก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีเช่นกัน

เพราะฉะนั้นสุขภาพนั้นมีผลต่อหลาย ๆ ปัจจัยในชีวิตของเราทั้งปัจจุบันและอนาคต จึงไม่แปลกใจที่จะได้เห็นผู้ชายหลาย ๆ คนออกกำลังกายกันอย่างหนักหน่วง เพราะไม่ใช่เพียงแค่มีร่างกายที่สุขภาพดี แต่ยังมีหุ่นล่ำ น่าจับอีกด้วย

หลาย ๆ คนก็ต้องคิดหนัก เนื่องจากรายจ่ายนั้นก็เยอะ ซึ่งถ้าจะต้องจ้างเทรนเนอร์มาดูแล เราก็อยากได้เทรนเนอร์ที่มีความสามารถและคุณภาพในการทำให้เราลดน้ำหนักและมีหุ่นที่ดีได้ การมีเทรนเนอร์จึงสำคัญในการลดน้ำหนัก ไม่เชื่อมาดูกันเลย

มารู้จักคำว่า “Personal Trainer” กันดีกว่า 

“Personal Trainer” หรือหลาย ๆ คนก็คงจะเรียกกันติดปากว่า “ เทรเนอร์ส่วนตัว ” เป็นอีกอาชีพที่เป็นกระแสมากๆ ในปัจจุบัน เนื่องจากใครๆ ก็หันมาใส่ใจดูแลตัวเองกันมากขึ้น เทรนเนอร์คือผู้ที่มีความรู้ด้านฟิตเนต ที่จะต้องพัฒนาและนำวิธีการออกกำลังกายที่แตกต่างกันไปเฉพาะแต่ละคนไปสู่การปฏิบัติ

บางคนก็อาจจบวิทยาศาสตร์การกีฬามาโดยตรง หรือจบหลักสูตรอื่นๆ ที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อ การออกกำลังกายและโภชนาการโดยเฉพาะ พวกบางคนก็อาจจะมีความสนใจและศึกษาด้วยตัวเองมานานจนสามารถสอนผู้อื่นได้ ซึ่งเขาเหล่านี้มาเป็นผู้ที่ช่วยดูแลเรื่องการออกกำลังกายของลูกค้า รวมถึงให้คำแนะนำด้านโภชนาการ เพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายทางด้านการออกกำลังกายที่วางเอาไว้ในเวลาที่กำหนด

3 สิ่งที่เทรนเนอร์ดี ๆ ไม่ทำ

1. การตีโจทย์ลูกค้าไม่แตก ประกอบไปด้วย 2 ประการ คือ ประการแรกไม่ประเมินระยะเวลาเป้าหมาย ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของลูกค้าได้อย่างถูกต้อง เช่น ผู้หญิงคนนึงมีเป้าหมายที่จะแต่งงานใน 4 เดือน ก็คือ 16 สัปดาห์ ดังนั้นเราต้องอธิบายได้ว่าถ้าเราลดตามความปลอดภัยจะลดได้กี่กิโล เช่นตามหลักการแล้วที่มีความปลอดภัยคือ 1 กิโลกรัมต่ออาทิตย์ แต่ถ้าเกิดมีความต้องการที่มากกว่านั้น เราต้องอธิบายความเสี่ยงที่จะเกิดกับลูกค้าได้ และสามารถแนะนำวิธีที่ถูกต้องในแต่ละสัปดาห์ได้ว่าควรจะต้องทำอย่างไรให้ไปสู่จุดหมายได้ เพราะฉะนั้นหมายความว่าจุดเริ่มต้นของลูกค้า มีความเป็นไปได้แค่ไหนที่จะลดถึง 14 กิโลกรัม หรือตามความต้องการของเขาไหม ดังนั้น สิ่งที่ถูกต้องที่สุด คือ เราต้องประเมินตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปถึงปลายทางได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยไปพร้อม ๆ กัน
   และอีกหนึ่งตัวอย่าง คือลูกค้าบางคนอยากเปลี่ยนแปลงรูปร่าง เพิ่มกล้ามเนื้อ ให้เป็นไปตามรูปที่เตรียมไว้ให้เราดู บางคนเอารูปดารา นายแบบ มาให้เราดูว่าตัวเขาเองจะสามารถเปลี่ยนแปลงแบบนี้ได้ไหม และต้องใชเวลานานแค่ไหน ทำอย่างไรบ้าง ? เพราะฉะนั้นเทรนเนอร์ต้องสามารถประเมินได้เลยว่าสามารถเป็นไปได้จริงหรือไม่และใช้เวลามากน้อยแค่ไหนไม่สามารถเสนอและอธิบายทางเลือกให้กับลูกค้าได้ เช่น ลูกค้าของเราที่มีอาการบาดเจ็บบริเวณหัวไหล่ บางคนไม่สามารถที่จะทำ Shoulder Press ได้ หรือการยกมือเหนือศีรษะได้ ด้วยอาการบาดเจ็บต่าง ๆ ในฐานะเทรนเนอร์จะต้องวิเคราะห์ท่าฝึกที่มาทดแทนได้ หรือสามารถดึงเอากล้ามเนื้อหัวไหล่ไปใช้ในมุมที่มีการหลบเลี่ยงในมุมที่มีอาการบาดเจ็บได้ ดังนั้น การตีโจทย์ให้แตกจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ก่อนที่จะไปข้อถัด ๆ ไป
2. ออกแบบโปรแกรมแบบผิด ๆ เช่น เอาโปรแกรมเดิม ๆ ที่เราเคยฝึกสมัยเป็นนักกีฬา หรือตอนที่เราเคยเทรนตัวเองมา ไปให้ลูกค้าฝึก ลูกค้าอาจจะไม่สามารถรับกับความหนักในปริมาณที่เราให้ฝึกได้ ในวันต่อมาอาจจะเกิดการระบมหรือเจ็บป่วย หรือการฉีกขาดหรือเป็นไข้ได้ หรือบางครั้งเราอาจจะไปเอาโปรแกรมที่อยู่ตาม Internet มาให้ลูกค้าใช้ ผลเสียที่เกิดขึ้นตามมานั่นคือ ไม่สามารถรู้ได้ว่าโปรแกรมนั้นเหมาะสมกับลูกค้าหรือไม่ มันไม่ผิดนะคะ แต่เราต้องประเมินให้ถูกว่าร่างกายของลูกค้าคนนี้หรือลูกเทรนคนนี้ สามารถที่จะรับน้ำหนักและปริมาณที่เรารับได้ มากน้อยแค่ไหน ดังนั้น มันจึงนำไปสู่ความไม่ประทับใจในการฝึกครั้งแรก ซึ่งมันเป็นสิ่งไม่ดีเลย เพราะมันอาจจะทำให้เขารู้สึกหมดแรง ปวดเมื่อยระบม เป็นไข้ แล้วทำให้เขาไม่อยากออกกำลังกายอีกเลย
3. ไม่สามารถจัดท่าทางที่ถูกต้องเหมาะสมในการออกกำลังกายของลูกค้าได้ ส่งผลเสียให้กับทั้งเทรนเนอร์และลูกเทรน ซึ่งเทรนเนอร์จะมาสามารถนำพาลูกค้าไปสู่เป้าหมายตามระยะเวลาที่รับปากไว้ได้ ที่แย่ไปกว่านั้นคือถ้าลูกค้ามีการบาดเจ็บและทราบว่าเิดจากการเทรนไม่ถูกต้องของทางเทรนเนอร์ ตัวลูกค้าหรือลูกเทรนจะขาดความเชื่อมั่นและไม่กลับมาเทรนอีก

ไขข้อสงสัยว่า ทำไมผู้ชายต้องมีเทรนเนอร์ส่วนตัว ?

1. สามารถออกกำลังกายได้อยากถูกต้อง ซึ่งการมีเทรนเนอร์ส่วนตัวคอยให้คำแนะนำและบอกเทคนิคที่ถูกต้อง จะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง รวมถึงมีหุ่นฟิต แอนด์ เฟิร์ม ได้อย่างถูกจุดและไม่เสียแรงสูญเปล่า
2. ลูกเทรนสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ ซึ่งเหล่าเทรนเนอร์ก็มีหน้าที่วางแผนโปรแกรมการออกกำลังกายให้คุณบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจ รวมถึงคอยจดบันทึกการออกกำลังในแต่ละครั้งเพื่อเช็กความก้าวหน้า
3. สร้างโปรแกรมการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับลูกเทรน ซึ่งเทรนเนอร์จะคอยทำตารางให้ลูกเทรนในแต่ละวันว่าควรออกกำลังกายระยะเวลาเท่าไหร่ถึงจะเห็นผลชัดเจน
4. เป็นเพื่อนในการออกกำลังกาย ซึ่งเวลาที่คุณต้องออกกำลังกายคนเดียวมันคงจะน่าเบื่อ และพาให้คุณขี้เกียจไปด้วย การมีเทรนเนอร์ก็เหมือนการมีเพื่อนที่คอยผลักดันให้เราไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ
5. ป้องกันการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย เนื่องจากผู้ชายมีการออกกำลังกายที่หนักกว่าผู้หญิง เพราะต้องการกล้ามเนื้อที่แข็งแรงและแน่นกระชับ จึงควรต้องมีเทรนเนอร์เพื่อคอยช่วยสนับสนุนแรงในการยกอะไรที่หนักมากไปสำหรับลูกเทรน

ท่าออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักแบบผู้ชาย

คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

Dumbbell Lunges

คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

 Push up

บทสรุป

วิธีออกกำลังกายลดน้ำหนักของผู้ชายนั้นเป็นการออกกำลังกายที่ค่อนข้างหนัก และต้องการความปลอดภัย การมีเทรนเนอร์ดีๆ มาช่วยลดน้ำหนักสำหรับผู้ชายจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้น มือใหม่ ผู้ที่ไม่เคยออก เพราะนั้นถ้าออกกำลังกายได้ถูกต้อง มันจะช่วยในเรื่องการเผาผลาญไขมันได้อย่างดีทีเดียว เพราะได้มีการเคลื่อนไหวทุกส่วนของร่างกาย จึงทำให้มีการเผาผลาญไขมันมากขึ้นและจะช่วยรีดไขมัน สร้างความฟิตให้ได้เป็นอย่างดี