เรื่องเล่าของยาลดน้ำหนักกระทู้ดัง !
หลาย ๆ คนคงจะมีปัญหาในเรื่องของการมีรูปร่างที่อ้วนจนทำให้ไม่มีความมั่นใจในการใช้ชีวิตหรือการแต่งตัวออกไปข้างนอก ( ก็ของกินมันอร่อยใครจะอดใจไหวใช่ไหมล่ะ จริงมั้ย ) และพอให้ความสำคัญกับการลดน้ำหนัก ก็จะให้ความสำคัญในเรื่องของตัวเลขเพียงอย่างเดียว
โดยที่ไม่ได้ดูรวมๆเลยค่ะว่ามันจะดีกับสุขภาพของตัวเองแค่หรือเปล่า ดีไม่ดีบางทีมันอาจจะทำลายสุขภาพด้วยซ้ำไป เพราะมันจะมีผลตามมาคือบางคนลดน้ำหนักแล้วโทรม บางคนมีโยโย่ทำให้น้ำหนักกลับคืนมาเป็นแบบเก่า แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น ตัวเลขบนตัวชั่งน้ำหนัก
เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวนี้เป็นน้ำหนักที่รวมทุกอย่างบนร่างกาย มีทั้งกล้ามเนื้อ กระดูก เลือด น้ำฉี่ ไขมัน เป็นต้น โดยเฉพาะผู้หญิงเวลาที่มีประจำเดือนน้ำหนักก็จะขึ้นแล้วค่ะ
คำว่า ” โยโย่ “ นั้นมาจากยาลดน้ำหนักจริงหรือเปล่า ? ซึ่งจริงๆแล้วนั้นมีหลายสาเหตุ ถ้าเกิดจากการที่เราไปบีบคั้นร่างกายโดยการที่เราไม่กิน โดยการที่เราไปซื้อยาหยุดความหิวหรืออะไรก็ตามที่เราอดยากปากแห้ง พอวันนึงที่คุณเลิกทำ มันก็เหมือนเขื่อนที่มันแตก
เราก็จะกินกลับเข้าไปเหมือนเดิมเพราะร่างกายเราต้องรักษาตัวเองไว้ให้เรากินกลับเข้าไปเยอะๆ เขาถึงเรียกว่า ” โยโย่ ” แต่การลดไขมันเราจะไม่ได้วัดที่น้ำหนักบนตาชั่งก็จริง แต่เราจะวัดกันที่สัดส่วนมากกว่าเพราะฉะนั้นนะคะถ้าน้ำหนักจะลงเยอะหรือลงน้อย ถ้าเอวเล็กลง 2-3 นิ้วถือว่าดีมาก
เพราะฉะนั้นเวลาเราดูว่าน้ำหนักเราเกินไหม เราอาจจะชั่งสัดส่วนด้วย BMI เพื่อดูว่าร่างกายเราทั้งหมดนั้นอ่ะ เรามีไขมันเกินเท่าไหร่บางคนหนัก 40 กิโลกรัมแต่พุงใหญ่ เป็นต้น
ความสำคัญนั้นอยู่ที่ ถ้าเราลดน้ำหนักแต่เราปล่อยให้ของดี เป็นกล้ามเนื้อ หรือเป็นอะไรออกไปจากการอดอาหาร เราจะดูแก่ลง แต่เมื่อไหร่ที่เราลดเฉพาะไขมันออกไป เมื่อไหร่ที่เซลลูไลท์หาย แขนเล็ก เอวเล็ก สะโพกเล็ก ก็หมายความว่าหลอดเลือดของเราไขมันก็ต้องน้อยล
ง ตับเราก็ต้องไขมันดีขึ้น ร่างกายก็จะดีขึ้น เมื่อไหร่ที่ไขมันหรือ Body fat ของเราลดลง เราจะรู้สึกว่าเราอายุน้อยลงเพราะการไหลเวียนดีขึ้นนั่นเองค่ะ
ช่วงนั้นอยู่ในช่วงปิดเทอมม.6 รอเข้ามหาลัยค่ะ
ก็กินๆนอนๆอยู่แต่บ้าน จนวันนึงนึกยังไงไม่รู้เอากางเกงตัวเก่ามาใส่ มันใส่ไม่ได้แล้วค่ะ รูดซิบข้างหลังไม่ขึ้นติดก้น
ตอนนั้นเราเสียใจมากแทบจะบ้า พูดกับตัวเองว่า”ฉันอ้วนขึ้นมาได้ยังไง”
เราก็เข้าเว็บpantipค่ะ หาวิธีลดน้ำหนัก เลยตัดสินใจเลือกวิธีควบคุมอาหารและออกกำลังกาย
ใช้เวลาอยู่1เดือน น้ำหนักลดไป2โลค่ะ เหลือ52 แต่ผลที่ได้คือ สะโพกลดลงมา2นิ้ว หุ่นกะชับ ตัวเล็กลงมาก แม้น้ำหนักไม่ค่อยลด
แต่ว่าเราเรียนคหกรรมค่ะ เรียนด้านอาหารและโภชนาการ เราทำอาหารเลยต้องกินต้องชิมอยู่บ่อยๆควบคุมไม่ได้สักที
น้ำหนักก็ขึ้นมาเป็น54 – 55 ค่ะ ตอนนั้นเราเห็นเพื่อนเรากินยาลดน้ำหนักในเน็ต
ที่ขายกันเป็นเม็ด เม็ดละ3-10บาทแล้วแต่ร้านค่ะ เป็นวิตามินลดสัดส่วนusa
นี่ล่ะค่ะ จุดเริ่มต้นของการซื้อความตายให้กับตัวเอง… (ข้อมูลจาก Pantip คุณ i’m พองพอง คลิกดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่)
ซึ่งผลจากการกินยาลดน้ำหนักนั้นก็ไม่ได้เป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับทุกคนที่กินยาลดน้ำหนักเช่นกันค่ะ ยกตัวอย่างเช่นข้อความจากผู้ใช้จริงจากกระทู้ดัง Pantip และได้รับผลตอบกลับมาด้วยโรค อาการต่างๆ มากมาย และตัวอย่างดังต่อไปนี้คือผลที่ได้จากการทานยาลดน้ำหนัก ⇓
ตอนนี้เราเลิกทานยาลดน้ำหนักได้ประมาณ 2-3 อาทิตย์แล้วค่ะ
แต่ว่าเรายังมีอาการเหมือนตอนทานยาลดน้ำหนักอยู่เลยค่ะ คือเราจะใจสั่น ใจเต้นแรงมากโดยเฉพาะตอนกลางคืนตอนนอน
บางคืนมือสั่นบ้าง เป็นเหน็บชาบ่อย เวลานอนจะเป็นเหน็บชาทั้งตัวอาการเหมือนโดนผีอำค่ะแต่ไม่ใช่ ค่อนข้างทรมานค่ะ บางคืนเรารู้สึกไม่อยากนอน แต่เราพยายามข่มตาให้หลับ น้ำหนักตัวเท่าเดิมไม่ลดไม่เพิ่มไม่ว่าจะกินเยอะแค่ไหนก็ตาม . (ข้อมูลจาก Pantip คุณ i’m พองพอง คลิกดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่)
และนี้คืออุทาหรณ์จากการทานยาลดน้ำหนักนะคะ มันอาจจะไม่ได้เป็นกับทุกคนนะคะแต่เสียงจากคนที่เคยทานส่วนใหญ่จะมีอาการประมาณนี้จ้า แต่เราต้องบอกก่อนะคะว่ายาบางตัวอาจจะช่วยได้ก็จริง แต่ก็เห็นผลแค่ช่วงแรก ถ้าคุณไม่ควบคุมอาหารการกิน ซึ่งไม่มียาตัวไหนบนโลกนี้ที่จะช่วยคุณลดน้ำหนัก ลดสัดส่วนให้ผอมเพียว หุ่นเป๊ะหรอกนะคะ
นอกจากคุณจะต้องปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยเท่านั้น แต่สำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังกายคงไม่ทรายว่าตัวเองต้องเริ่มจากตรงไหน วันนี้เราเลยจะมาแนะนวิธีการออกกำลังที่ถูกต้อง ดีกว่าการไปซื้อยาลดน้ำหนักทานนะคะ
คำแนะนำก่อนเริ่มออกกำลังกาย
สำหรับผู้ที่พึ่งเริ่มออกกำลังกายนะคะควรปรึกษาแพทย์และเข้ารับการตรวจร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการใช้กำลังอย่างหนักและผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป
- ตั้งเป้าหมาย ก่อนเริ่มออกกำลังกาย ควรเขียนแผนการออกกำลังกายที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ โดยเริ่มจากเป้าหมายเล็ก ๆ ที่สามารถทำได้ แล้วค่อย ๆ ตั้งเป้าหมายให้ใหญ่ขึ้นเพื่อให้ร่างกายของคุณปรับตัวได้
- ฝึกออกกำลังกายให้เป็นนิสัย เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ ซึ่งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นระยะเวลานานจะช่วยสร้างนิสัยรักการออกกำลังกาย
- อบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกายทุกครั้ง
- ดื่มน้ำให้เพียงพออยู่เสมอ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังออกกำลังกาย
- ใช้อุปกรณ์ป้องกันอุบัติเหตุและอาการบาดเจ็บขณะออกกำลังกาย อย่างหมวกนิรภัยและรองเท้าวิ่งที่แข็งแรง
- ควรหยุดออกกำลังกายหากรู้สึกเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หรือมีอาการบาดเจ็บเกิดขึ้น
อันตรายจาก..ยาลดน้ำหนัก
- นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ปวดศีรษะ หัวใจเต้นเร็ว
- อาจเกิดโรคกระเพาะ หรือเกิดอาการท้องเดิน เนื่องจากร่างกายสูญเสียการสมดุลของน้ำและเกลือแร่
- เกิดการกดการหายใจ และความดันโลหิตสูง
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หรือใจสั่นกับหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- อาจมีการหมดสติ และอันตรายถึงชีวิตได้
ผู้ที่ไม่ควรทานยาลดความอ้วน มีดังนี้
ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคไทรอยด์ และสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากภาวะน้ำหนักขึ้นที่มากกว่าเกณฑ์ปกติในช่วงตั้งครรภ์ จำเป็นจะต้องได้รับการวินิจฉัย เพราะอาจจะเกิดความผิดปกติอื่นๆ เช่น เบาหวานหรือครรภ์เป็นพิษ
อีกทั้งยาลดความอ้วนอาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูงขึ้น และยิ่งทำให้การทำงานของหัวใจที่ผิดปกติในช่วงจั้งครรภ์รุนแรงขึ้น รวมไปถึงสตรีที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร ไม่ควรกินยาลดความอ้วนเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้มีสารบางอย่างในยาตกค้างในน้ำนม ทำให้เด็กได้รับสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายได้เช่นกัน
บทสรุป
ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์ต่อสมองทำให้รู้สึกไม่อยากอาหารทำให้เบื่ออาหารหรือรู้สึกอิ่มและเมื่อลดปริมาณ
อาหารลงน้ำหนักหรือความอ้วนก็ลดลง ยากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ฤทธิ์แรงและมีผลข้างเคียงสูง เช่น เหนื่อย ใจสั่น นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย เป็นต้น
และเมื่อมีการใช้ยาติดต่อกันนานๆ อาจส่งผลทำให้เกิดความผิดปกติทางจิตและประสาทได้ โดยแพทย์ได้ออกมายืนยันแล้วนะคะว่าการใช้ยาลดความอ้วนนั้นไม่ได้ทำให้เรามีรูปร่างที่เพอร์เฟ็คอย่างคำโฆษณาที่เราต่างก็เห็นกัน ซึ่งบางครั้งยากลุ่มนี้ก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้เลยค่ะ เพราะฉะนั้นออกกำลังกายดีที่สุดนะ
Write a comment