ครีมลาเนจ ปลุกพลังความสดชื่นอิ่มน้ำให้ผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์แบบ X2

ผิวขาดสมดุล ที่มาของปัญหาผิวเรื้อรังดูแลยาก

         สาว ๆ หลายคนที่ใส่ใจเรื่องการดูแลผิวมาก ๆ อาจจะพอรู้มาบ้างว่าตามปกติแล้ว ซึ่งผิวในส่วนที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันจากการสูญเสียความชุ่มชื้น รวมไปถึงมลภาวะ เชื้อแบคทีเรียและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ  ก็คือผิวชั้นนอก (Corneocytes) ของเราซึ่งแน่นอนว่าผิวในส่วนนี้เราดูแลมันค่อนข้างดี แต่จริง ๆ แล้วยังมีโครงสร้างใต้ชั้นผิวนี้ที่จะมีส่วนของเซลล์เรียง ๆ กันและมีไขมันคอยหล่อลื่น ทำให้ผิวของเราได้รับความชุ่มชื้นอย่างพอเหมาะอยู่ตลอดเวลา เป็นการรักษาสมดุลผิว ซึ่งนั่นแหละตัวปัญหาบางคนผิวก็ไม่มีสมดุลผลิตไขมันมากไป หรือน้อยไปทำให้เกิดสุขภาพผิวต่าง ๆ สกินแคร์บางตัวที่เราใช้ก็ดูแลได้แค่ผิวเผิน ดังนั้น สาว ๆ คนใดที่ต้องครีมบำรุงผิวดี ๆ ดูแลได้อย่างล้ำลึก วันนี้เราจึงอยากจะมาแนะนำครีมลาเนจ เดี๋ยวเราจะมาดูกันว่ามันสามารถดูแลผิวเราในเรื่องใดได้บ้าง

Laneige Water Bank Moisture Cream ex

         สำหรับครีมลาเนจตัวนี้เชื่อว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่อาจจะเคยผ่านหูผ่านตาสาว ๆ มาบ้างแล้ว เป็นครีมบำรุงผิวที่มี  มอยเจอร์ไรเซอร์เข้มข้น ซึ่งแน่นอนว่าจะมีส่วนสำคัญในเรื่องของการรักษาความชุ่มชื่นแบบที่เราเกริ่นมาตอนแรก แต่จะเป็นการดูแลที่ลึกขึ้นมาในอีกระดับหนึ่ง คือนอกจากเติมน้ำให้ผิว ดูแลชั้นผิวของเราก็ยังมาเติมเต็มออกซิเจนเข้าสู่ผิว ให้ผิวเรารู้สึกแข็งแรงยิ่งขึ้น ผิวสดชื่นยาวนานถึง 24 ชั่วโมง จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ ที่เรายกมาพูดถึงในวันนี้ ด้วยประสิทธิภาพและส่วนประกอบที่คัดสรรมาเพื่อการดูแลผิวหน้าของเราโดยเฉพาะทำให้ครีมลาเนจตัวนี้ได้รับความนิยมมาก ๆ ไม่แพ้สินค้าตัวอื่น ๆ ในแบรนด์ของลาเนจเลย

ส่วนประกอบและคุณสมบัติสำคัญของครีมลาเนจ

         อย่างที่บอกไปว่าเจ้าครีมลาเนจกระปุกนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ เพราะด้วยความที่ประสิทธิภาพในการดูแลผิวของมันล้ำลึกมาก ไม่ได้ดูแลแค่ชั้นผิวภายนอกแต่ยังสามารถล็อกน้ำให้ผิว ควบคุมการผลิตไขมันใต้ผิวหนัง หรือเรียกง่าย ๆ คือการปรับสมดุลผิวของเรา แต่ว่าสูตรนี้ด้วยความที่มีความเข้มข้นของมอยเจอร์ไรเซอร์ และน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก ๆ ดังนั้นมันจึงเหมาะกับคนที่มีสภาพผิวขาดน้ำ แห้งกร้านมาก ๆ เมื่อใช้แล้วจะเห็นผลชัดกว่า ในด้านของส่วนประกอบอื่น ๆ ที่นอกเหนือจาก Moisture Tight Matrix ก็ยังได้นำส่วนผสมจาก green mineral water รวมถึงพืชพรรณธรรมชาติที่ช่วยมอบความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างล้ำลึกอีกระดับ อีกทั้งยังมีกรดซีตริกหรือกรดมะนาว (Citric Acid) ที่มีส่วนช่วยในเรื่องความสว่างกระจ่างใสของผิว มีไฮยารูลอนช่วยลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย

                นอกจากนี้ก็ยังมี Hydro Ion Mineral Water สารสกัดสำคัญที่จะมาหลอมรวมคุณค่าของแร่ธาตุไอออน 6 ชนิด ช่วยฟื้นบำรุงผิวให้กลับชุ่มชื่นอย่างมีชีวิตชีวา มีสารสกัดจากกีนัว (Quinoa Extract) อุดมด้วยวิตามิน A, C และ E ให้การปกป้องผิวสวยจากความแห้งกร้าน พร้อมช่วยเสริมสร้างผิวใหม่ที่รู้สึกได้ถึงความชุ่มชื่น ผสานพลังร่วมกับน้ำมันสกัดจากมะกอก (Olive Squalane) มีอนุภาคขนาดเล็กละเอียดสามารถซึมซาบเข้าบำรุงผิวได้ทันที ทำหน้าที่เสมือนเกราะปกป้องผิว ให้ผิวคงความรู้สึกชุ่มชื่น ดูเนียนนุ่มน่าสัมผัส และยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ อีกมากว่า 30 ชนิด คือต้องบอกว่าเจ้าครีมลาเนจ ตัวนี้เหมือนเกิดมาเพื่อที่จะดูแลผิวของเราในหลายจุดมาก ๆ คือกระปุกเดียวครบครันทุกปัญหาผิว

วิธีใช้และข้อแนะนำในการใช้ครีมลาเนจ

            สำหรับใครที่ไปลองซื้อเจ้าครีมลาเนจกระปุกนี้มาแล้ว หรือคิดว่ากำลังจะซื้อแล้วเกรงว่ามันจะใช้ยากไหม วุ่นวายหรือเปล่า เนื้อสัมผัสมันจะประมาณไหน ก็ต้องออกตัวไว้ก่อนว่าไม่ต้องกังวลไปเพราะในกล่องก็จะมีคู่มือการใช้แนบมาให้ และก็มีพายเล็ก ๆ สำหรับตักครีมมาให้แบบที่เราไม่ต้องใช้นิ้วของเราสัมผัสกับครีมโดยตรง เป็นการคงประสิทธิภาพของครีมไว้ได้        นาน ๆ สำหรับขั้นตอนการใช้ก็ถ้าเราใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ตัวอื่นตัวใดก็ให้ทาให้หมดก่อนโทนเนอร์ เอสเซนส์ เซรั่ม เจลรีแพร์ใด ๆ ก็คือให้ตบท้ายด้วยการทาครีมลาเนจตัวนี้ตบท้ายปริมาณที่ใช้แค่เมล็ดแปะก๊วย แต้มเป็นจุดลงบนแก้ม หน้าผาก และคาง หรือบริเวณจุดสำคัญ ๆ บนใบหน้าเรา จุดที่เราอยากบำรุงเป็นพิเศษ จากนั้นเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าจนกว่าจะซึมลงผิว ตื่นเช้ามาจะสัมผัสได้ถึงความหน้าฉ่ำ หน้าเด้ง หน้าอิ่มฟูดูมีน้ำมีนวลยิ่งขึ้น

            ส่วนข้อแนะนำในการใช้ครีมลาเนจก็ถ้าอยากให้เห็นผลลัพธ์แบบชัดเจนก็ให้ใช้กับผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ๆ จากลาเนจร่วมด้วย อาทิ เซรั่ม เอสเซนส์เพราะว่าส่วนผสมใด ๆ ก็จะเกื้อหนุนกันบำรุงผิวของเราอย่างล้ำลึก ใช้แล้วต้องเห็บครีมให้ห่างจากแสงแดด ไม่ต้องถึงกับแช่เย็นแต่ก็เอาไว้ในอุณหภูมิห้องก็ได้ เวลาใช้พยายามเอานิ้วลูบ ๆ เกลี่ย ๆ ไปตามทิศทางของพวงขนบนใบหน้าเราจะช่วยให้ซึมซาบเข้าไปทำงานได้ดียิ่งขึ้น แนะนำให้คนที่สภาพผิวหน้ามันใช้น้อย ๆ ทาบาง ๆ ส่วนคนที่สภาพผิวหน้าแห้งกร้านก็ใช้ตอนกลางคืนโบกหนา ๆ ไปนอนก็พอได้ ตอนเช้าก็ทาบาง ๆ เพราะเนื้อครีมค่อนข้างหนัก ซึมช้า อาจทำให้เราแต่งหน้ายากถ้าใช้เยอะในตอนเช้าใช้ตอนกลางคืนจึงน่าจะดีกว่า

ครีมลาเนจหาซื้อได้ที่ไหนบ้าง

            ในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่ายต้องบอกว่าหาซื้อครีมลาเนจตัวนี้ได้ง่ายกว่าปอกปล้วยเข้าปากเสียอีก เพราะด้วยความเขาเป็นแบรนด์ขึ้นชื่อทำให้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำจะมีเคาน์เตอร์แบรนด์สามารถเข้าไปหาซื้อได้สบาย ๆ หรือจะไปทดลองตัวเนื้อครีมดูก่อนซื้อก็ไปที่เคาน์เตอร์ได้จะดีมาก ส่วนใครงานยุ่ง ไม่มีเวลา แต่สนใจอยากซื้อก็ง่ายแค่นิดเดียวเราจะแนบช่องทางการสั่งซื้อ และรายละเอียดเพิ่มเติมให้ถ้าอยากได้มาเป็นเจ้าของก็คลิกเข้าไปสั่งซื้อได้เลยราคาจะอยู่ที่ 1,500 บาท แต่ได้ปริมาณมากถึง 50 ml. คือใช้ได้เกือบปีเลยคุ้มมาก ๆ

                     สั่งซื้อออนไลน์                                                รายละเอียดเพิ่มเติม

รีวิวครีมลาเนจจากผู้ใช้จริง

บทส่งท้ายครีมลาเนจคอนเฟิร์มว่าสามารถดูแลผิวของเราได้ล้ำลึก

            ก็อย่างที่เราได้อธิบายไปว่าส่วนประกอบของครีมลาเนจมันเยอะมากจนอธิบายสรรพคุณแทบจะไม่หมด หลายคนอาจจะติเรื่องว่าราคาของครีมที่แพงเกินไปหน่อย เราก็ต้องดูในเรื่องของส่วนประกอบ สารสกัดที่ทางแบรนด์เขาได้คัดสรรมาอักแน่นไว้ในกระปุกนี้ด้วยและที่ทางแบรนด์ต้องกล้าการันตีมาก ๆ ก็เพราะสารสกัดที่นำมาแต่ละตัวนั้นล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติในการจัดการกับปัญหาผิวของเราในหลาย ๆ จุดด้วย ไหนจะเรื่องผิวแห้งขาดน้ำ ผิวคล้ำเสีย หมองคล้ำ จุดด่างดำบุก หรือจะเรื่องริ้วรอยก่อนวัย ซึ่งจริง ๆ มันก็มีต้นตอหลัก ๆ มาจากการที่ผิวไม่ได้รับการปรับสมดุล ไม่ได้รับไขมันใต้ชั้นผิวในปริมาณที่เหมาะทำให้ผิวของเราอ่อนแอ ต้องการการดูแลที่ลุ่มลึก ซึ่งครีมลาเนจกระปุกนี้ก็สามารถตอบโจทย์ให้เราได้อย่างดีเลยทีเดียว ใครสนใจก็ลองไปซื้อมาใช้กันดูได้รับรองว่าไม่ผิดหวัง