คอลลาเจนเปปไทด์ ตอบโจทย์ได้ในทุกความสวย
อะไรเอ่ย กินปุ๊ปสวยปั๊ป!?? คงจะมีคำตอบมากมายให้คำถามข้อนี้ แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่กินปุ๊ปแล้วสวยปั๊ปของคนยุคนี้ คงหนีไม่พ้นเหล่ากองทัพผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่ขยันออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาให้ทุกคนได้ใช้ ได้ลองในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน คอลลาเจน กลูต้าไธโอน ยาบำรุงผิวพรรณ วิตามินบำรุงสวยตา ยาลดน้ำหนัก ยาดักจับไขมัน เป็นต้น
และหนึ่งในอาหารผิวยอดฮิตตลอดกาลคงหนีไม่พ้น คอลลาเจน นอกจากจะพบได้ในอาหารที่เรากินแล้ว ก็ยังพบได้ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ทั้งแบบชงดื่ม แบบเม็ด ในรูปแบบขนมขบเคี้ยว หรือแม้แต่ใส่คอลลาเจนเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง ซึ่งคอลลาเจนก็คือเส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่งที่เกิดจากการรวมตัวของกรดอะมิโนหลากหลายชนิดต่อกัน เพราะนอกจากกระดูกจะมีแคลเซียมเป็นส่วนประกอบหลักแล้ว ก็ยังมีคอลลาเจนนี่แหละที่คอยยึดประสานให้แคลเซียมเกาะเป็นโครงสร้างที่แข็งแรงของกระดูก ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายจะมีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบหลัก เพราะคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของผิวหนัง ขน เส้นผม กระดูก กระดูกอ่อน เนื้อเยื่อ เอ็น และข้อต่อต่างๆ ในร่างกาย เรียกได้ว่าร่างกายมนุษย์เรามีคอลลาเจนอยู่ถึง 90% กันเลย เมื่ออายุมากขึ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจนก็จะลดลงตามไปด้วย การที่ร่างกายได้รับคอลลาเจนเพิ่มจึงเป็นการชดเชยคอลลาเจนที่เสียไปนั่นเอง
ซึ่งคอลลาเจนในรูปแบบอาหารเสริมก็มีให้เลือกทานหลากหลายมิลลิกรัม แต่ที่เป็นที่นิยมคือคอลลาเจนเปปไทด์ 4500 มิลลิกรัม ไปจนถึง 10000 มิลลิกรัม ซึ่งคอลลาเจนเปปไทด์เป็นคอลลาเจนที่มีโมเลกุลที่เล็ก ทำให้ง่ายต่อการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีและเร็วที่สุด คอลลาเจนเปปไทด์ 4500 มิลลิกรัม ถือเป็นปริมาณคอลลาเจนที่เพียงพอต่อวัน
โดยมีข้อแนะนำขององค์การอาหารและยาได้แนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการทานคอลลาเจนเปปไทด์เป็นอาหารเสริม ดังนี้
- ผู้ที่ต้องการทานคอลลาเจนเปปไทด์เป็นอาหารเสริม สามารถรับประทานได้ตั้งแต่ คอลลาเจนเปปไทด์ 4500-7000 มิลลิกรัม/วัน แต่ไม่ควรเกิน 10000 มิลลิกรัม/วัน เพราะจะทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้
- ควรเลือกทานคอลลาเจนที่เป็นคอลลาเจนสายสั้น (Hydrolyzed collagen) เพราะจะทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีกว่าคอลลาเจนสายยาว โดยสังเกตที่ข้างกล่องผลิตภัณฑ์ตอนซื้อได้
- ควรเลือกทานคอลลาเจนตอนท้องว่างก่อนเวลาอาหารสัก 2- 3 ชั่วโมงจะดีที่สุด เพราะทั้ง 2 ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่คอลลาเจนดูดซึมได้ดี นอกจากนี้ควรทานคอลลาเจนเป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
- ควรทานคอลลาเจนแล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ เพราะคอลลาเจนต้องการสารละลายในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย หากไม่ได้รับน้ำที่เพียงพอต่อร่างกาย ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่นำคอลลาเจนไปใช้ประโยชน์ได้
- ควรทานคอลลาเจนควบคู่ไปกับวิตามินซี เพราะวิตามินซีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมที่ดีให้กับร่างกาย ทำให้ร่างกายดูดซึมคอลลาเจนเป็นไปอย่างสมบูรณ์ที่สุด ซึ่งวิตามินซีที่ว่าอาจจะเป็นในรูปแบบของอาหารที่มีวิตามินซีสูง, น้ำผลไม้, ผงชงดื่ม หรือแคปซูลก็ได้
แล้วการทานคอลลาเจนเปปไทด์ 4500 – 10000 มิลลิกรัมต่อวัน ให้ผลดีต่อร่างกายได้จริงหรือ?
มีผลงานวิจัยของสถาบันผิวหนังประเทศญี่ปุ่น ในผู้หญิงอายุระหว่าง 35-55 ปี จำนวน 47 คน โดยให้ปรับประทานคอลลาเจนในลักษณะเครื่องดื่ม ปริมาณ 10 กรัม ต่อวัน หรือเท่ากับ 10000 มิลลิกรัม/ต่อวัน เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 3 เดือน พบว่าผิวหนังของผู้ทดลองมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และมีริ้วรอยลดลง แผลเป็น ฝ้า กระ จุดด่างดำที่มีอยู่ค่อยๆ ดูจาง และผิวพรรณมีความนุ่ม ชุ่มชื้น เต่งตึงมากขึ้นกว่าเดิม
และจากการศึกษาของ University of Tuebingen ประเทศเยอรมนี พบว่าในประชากรที่มีภาวะข้อเสื่อมจำนวน 2,000 คน พบว่าผู้ที่มีปัญหาจากโรคข้อเสื่อมที่ได้รับคอลลาเจน ในปริมาณ 5 กรัมต่อวัน หรือประมาณ 5000 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน พบว่าผู้ทดลองที่ได้รับคอลลาเจนสามารถช่วยลดอาการอักเสบ และอาการเจ็บปวดจากการเคลื่อนไหวในบริเวณเซลล์กระดูกอ่อนได้
แนะนำอาหารเสริมคอลลาเจนเปปไทด์ 4500 มิลลิกรัม
คอลลาเจนเปปไทด์ที่เป็นที่พูดถึงและฮอตฮิตกันสุดในช่วงเวลานี้คือ คอลลาเจนเปปไทด์ 4500มิลลิกรัมจาก WATSONS ซึ่งออกโปรโมชั่นกันมาให้ช็อปบ่อยมาก เช่นโปรโมชั่นชิ้นที่สอง 1บาทเป็นต้น จนชาวPantipยังต้องมานั่งถกเถียงกันอยู่พักหนึ่ง เรามาดูกันดีกว่าของเขาดีอย่างไร
WATSONS COLLAGEN PEPTIDE 4500 MG
ราคา | 179 บาท |
DONUTT COLLAGEN PEPTIDE 4500 MG
ขนาด | 15 ซอง |
ราคา | 199 บาท |
ข้อแนะนำในการรับประทานคอลลาเจนเปปไทด์ 4500 มิลลิกรัม
- ควรรับประทานคอลลาเจนเปปไทด์ 4500 มิลลิกรัมขณะท้องว่าง
- เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน
และใครบ้าง หรือผู้ป่วยโรคอะไรบ้างที่ควรเลี่ยงการทานคอลลาเจน?
- ผู้ที่มีอาการแพ้โปรตีน หรืออ่อนไหวต่อการบริโภคโปรตีน เพราะคอลลาเจนคือโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากการรวมตัวของกรดอะมิโน และเป็นหนึ่งในโปรตีนที่พบมากที่สุดในร่างกาย หากมีประวัติแพ้โปรตีนจึงควรเลี่ยงการทานคอลลาเจน
- ผู้ที่แพ้อาหารทะเล เพราะคอลลาเจนส่วนใหญ่ถูกสกัดมาจากปลาทะเลน้ำลึก หรือกระดูกปลา ในกรณีผู้ป่วยมีอาการแพ้ไม่เยอะ จะมีอาการคลื่นไส้ แต่หากมีอาการแพ้รุนแรง จะมีอาการบวมเป็นผื่น ในระยะร้ายแรงอาจจะถึงขั้นแน่นหน้าอก หลอดลมตีบ เกิดอันตรายต่อชีวิตได้
- ผู้ที่มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับไต และตับ หากรับประทานคอลลาเจนอาจก่อให้เกิดความผิดปกติต่อระบบทางเดินอาหารได้ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเลือกรับประทานทุกครั้ง
อ้างอิงจาก
1.http://ns2.ph.mahidol.ac.th/phklb/knowledgefiles/_49.pdf
Write a comment