คอลลาเจนเปปไทด์คืออะไร ใครรู้บ้าง?
ถ้าพูดถึงคอลลาเจน ใครๆ คงรู้ว่าคอลลาเจนคือเส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังแท้ เป็นองค์ประกอบหลักของผิวหนัง ขน และเส้นผม เปรียบเสมือนสปริงในชั้นผิวหนัง ที่ช่วยทำให้ผิวหนังคงความเต่งตึง เสริมความแข็งแรง และเรียบเนียนของผิวหนัง
และคอลลาเจนยังทำหน้าที่เปรียบเสมือนกาวที่คอยเชื่อมเซลล์แต่ละเซลล์ในร่างกายเข้าด้วยกัน แถมยังมีสรรพคุณช่วยรักษาอาการข้อเข่าเสื่อม หรือคนที่มีภาวะกระดูกบาง กระดูกเปราะ ก็มักทานคอลลาเจนเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก เนื่องจากคอลลาเจนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของกระดูกนั่นเอง คอลลาเจนจึงเป็นหนึ่งในอาหารผิว และอาหารเสริมที่นิยมในปัจจุบัน โดยมีการผลิตและเติมคอลลาเจนลงในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากมายหลากหลายชนิด
รวมถึงอาหารการกินของเราที่ล้วนมีส่วนประกอบของคอลลาเจนรวมอยู่ด้วย ทั้งนี้การรับประทานคอลลาเจนในปริมาณที่เหมาะสมก็เพื่อสุขภาพผิวที่ดีขึ้นทั้งจากภายในและภายนอกนั่นเอง ซึ่งร่างกายของคนเราจะผลิตคอลลาเจนได้มากตอนที่เรามีอายุยังน้อย และจะผลิตได้น้อยลงในอายุที่มากขึ้น และยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ หรือเสพสารมึนเมา, การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ, การทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะการทานแป้ง และน้ำตาลในปริมาณที่มาก ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนในจำนวนที่น้อยลงนั่นเอง
วันนี้เราจะมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับคอลลาเจนอีก 1 ชนิด ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่ดีต่อร่างกาย มาพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษแบบเหนือชั้น นั่นก็คือ คอลลาเจนเปปไทด์ คอลลาเจนเปปไทด์ชื่อนี้หลายคนคงเคยได้ยินบ่อยๆ แล้วคอลลาเจนเปปไทด์คืออะไรล่ะ ลองไปหาคำตอบกัน
คอลลาเจนเปปไทด์คือ คอลลาเจนที่ผลิตขึ้นจากกระบวนการไฮโดรไลซิส (hydrolysis) หรือกระบวนการย่อย โดยกระบวนการนี้จะช่วยทำให้คอลลาเจนมีขนาดโมเลกุลที่เล็กลงกว่าเดิมสูงถึง 1,000 เท่า ซึ่งขนาดของโมเลกุลที่เล็กลงถึง 1,000 เท่านี้เอง ที่ทำให้คอลลาเจนเปปไทด์มีคุณสมบัติที่พิเศษและเหนือชั้น เพราะขนาดโมเลกุลที่เล็กขนาดนี้ทำให้ไม่ต้องถูกนำไปย่อยในกระเพาะอาหาร แต่จะถูกลำเลียงและดูดซึมที่ลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ทำให้ผิวได้รับคอลลาเจนได้โดยตรง และคอลลาเจนเปปไทด์ยังสามารถดูดซึมได้ภายใน 30 นาที เนื่องจากมีน้ำหนักของโมเลกุลน้อย นอกจากมีกระบวนการย่อยโมเลกุลให้มีขนาดที่เล็กมากแล้ว คอลลาเจนเปปไทด์ยังมีกรดอะมิโนโครงสร้างพิเศษเนื่องจากมีไกลซีน (Glycine) ไลซีน (Lysine) และโพรลีน (Proline) สูง ซึ่งกรดอะมิโนทั้งสามชนิดนี้จะเป็นตัวช่วยให้เซลล์เจริญเติบโตขึ้นเร็วมาก เพราะโดยธรรมชาติแล้วกรดอะมิโนเหล่านี้จะมีปริมาณลดลงเมื่อมีอายุเลย 25 ปีขึ้นไป นอกจากนี้คอลลาเจนเปปไทด์ยังมีประโยชน์ในเรื่องใดอีกบ้าง ไปดูกัน
ประโยชน์ของคอลลาเจนเปปไทด์
- คอลลาเจนเปปไทด์ ช่วยให้เซลล์ที่ทำหน้าที่ผลิตคอลลาเจนในผิวหนังผลิตคอลลาเจนได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณคอลลาเจนในผิวหนังของเรา และช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิวของเราให้ดีขึ้น ช่วยลดรอยเหี่ยวย่น และตีนกา ฟื้นฟูสุขภาพผิวให้แข็งแรง ไม่หย่อนคล้อย เรียบเนียน นุ่มลื่น ผิวกระจ่างใส ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสื่อมสภาพให้กลับมาอ่อนเยาว์
- คอลลาเจนเปปไทด์ ตัวช่วยลดน้ำหนัก เพราะอย่างที่กล่าวไปแล้วว่าคอลลาเจนคือโปรตีนชนิดหนึ่ง ฉะนั้นการรับประทานคอลลาเจนจะช่วยเพิ่มโปรตีนให้กับร่างกาย ช่วยให้ร่างกายอยู่ท้อง อีกทั้งคอลลาเจนมีแคลอรี่ที่ต่ำ แถมยังดูดซึมได้ไว จึงเป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกของการลดน้ำหนักนั่นเอง
- คอลลาเจนเปปไทด์ ช่วยลดอาการข้อเข่าเสื่อม บรรเทาอาการเจ็บปวดของข้อต่อและโรคที่เกี่ยวกับข้อกระดูก ช่วยบำรุงกระดูก และข้อต่อ ช่วยเสริมสร้างความหนาแน่นของกระดูก ทำให้กระดูกมีความแข็งแรง ซึ่งคอลลาเจนเปปไทด์นั้นสามารถถูกดูดซึมผ่านลำไส้ไปสะสมยังกระดูกอ่อนได้ ทำให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเจ็บปวดของกระดูก และข้อต่อ มีอาการที่ดีหรือช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้
- คอลลาเจนเปปไทด์bช่วยให้ผมแข็งแรงเงางาม รวมถึงเล็บมือเล็บเท้าแข็งแรง เป็นเงางาม และไม่เปราะบาง
ซึ่งเราสามารถเติมคอลลาเจนให้กับผิวจากการทานอาหารที่มีปริมาณคอลลาเจนสูง อาทิ เนื้อวัว, เนื้อหมู, เนื้อปลา, ผลิตภัณฑ์จากนม, ไข่, หน่อไม้ฝรั่ง, กะหล่ำปลี, มันหวาน, เห็ด, จมูกข้าวสาลี, ผักโขม, ดอกกะหล่ำ, ธัญพืชต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกทานคอลลาเจนเปปไทด์ได้จากอาหารเสริม ซึ่งในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมมากมายหลายชนิดให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นคอลลาเจนที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึก คอลลาเจนที่สกัดจากเป่าฮื้อ คอลลาเจนท่าสกัดสาหร่ายทะเล เป็นต้น เมื่อรู้แล้วว่าคอลลาเจนเปปไทด์คืออะไร หลังจากนี้เราก็สามารถเลือกสรรอาหารผิวให้ร่างกายได้แล้ว ซึ่งควรเลือกทานจากแหล่งผลิตที่มีกรรมวิธีที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย ได้รับการรับรอง และควรหลีกเลี่ยงคอลลาเจนสูตรที่มีสารเจือปน เช่น สี รส กลิ่น เพราะหากร่างกายได้รับสารปรุงแต่งเป็นเวลานานๆ อาจจะมีผลกระทบต่อร่างกายได้ในอนาคต
Write a comment