ท้องบวมเกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องพบแพทย์ไหม แก้ไขอย่างไร?

ท้องบวมเกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องพบแพทย์ไหม แก้ไขอย่างไร?

ท้องถี่

การรับประทานอาหารแต่ละอย่างเข้าไป จะส่งผลโดยตรงกับร่างกายของเรา ถ้ารับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ร่างกายก็จะได้รับสารอาหารดีๆ ไปหล่อเลี้ยงร่างกายให้เกิดประโยชน์ แต่ถ้าเรารับประทานอาหารที่เป็นภัยต่อสุขภาพก็จะ ส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ กับสุขภาพรางกายของเราได้นะคะ

โดยเฉพาะการรับประทานอาหารที่เติมเครื่องปรุงเยอะๆ เพื่อให้อาหารมีรสชาติจัดขึ้น โดยการใส่เครื่องปรุงที่มีโซเดียมมากเกินไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการท้องบวม และยังไม่ดีต่อสุขภาพไตอีกด้วยค่ะ ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงอาการท้องบวมกันนะคะ ซึ่งใครที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ลองมาดูวิธีแก้กันค่ะ

ท้องบวมเกิดขึ้นได้จากสาเหตุใด

เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง หรืออาหารที่มีรสจัด ก็จะทำให้ร่างกายต้องเก็บกักน้ำไว้เพื่อขับโซเดียมออกมาทางไต เป็นผลให้ร่างกายเกิดอาการบวมขึ้นไม่ว่าจะเป็นที่ใบหน้า ท้อง หรือแขนและขา โดยอาการบวมที่เกิดขึ้นนี้ อาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ 1-2 กิโลกรัมเลยนะคะ อีกทั้งยังทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้นด้วยค่ะ

ลดเค็มได้ ลดเค็มเถอะ ดีต่อไต

เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูงเข้าไปในปริมาณมาก ไม่ว่าจะเป็นขนมกรุบกรอบ, ผงปรุงรส, ซีอิ๊ว, น้ำปลาหรือซอสชนิดต่างๆ ก็จะส่งผลต่อร่างกายทำให้หน้า หรือท้องเกิดอาการบวมขึ้นได้ค่ะ ดังนั้นเราควรหันมาใส่ใจเรื่องการกินกันสักนิด และก่อนจะเลือกซื้ออาหารสักอย่างลองดูปริมาณโซเดียมว่าเยอะมากน้อยแค่ไหน เพื่อสุขภาพกายสุขภาพไตของเราค่ะ

ท้องถี่

วิธีรับประทานอาหารเพื่อลดการกินเค็ม

ในปัจจุบันการรับประทานอาหารที่ลดเค็ม ลดโซเดียม มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า DASH (Dietary Approaches to Stop Hypertension – Sodium) 

คือวิธีการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ยืนยาว และช่วยลดความดันโลหิตสูงอีกด้วย การรับประทานอาหารด้วยวิธีนี้จะกระตุ้นให้เราลดปริมาณโซเดียมในการรับประทานอาหารแต่ละมื้อ และรับประทานอาหารที่หลากหลายเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน โดยเน้นการเพิ่มกากใย โพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียมค่ะ

เพราะว่า DASH คือวิถีแห่งการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ดังนั้นก็จะช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ภายในสองอาทิตย์ นอกจากนี้ยังช่วยลดภาวะกระดูกพรุน, มะเร็ง, โรคหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง, และโรคเบาหวานอีกด้วยค่ะ

ท้องถี่

ซึ่งการรับประทานอาหารวิถีนี้จะเน้นการรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืช ปลา ไก่ ถั่ว อาหารไขมันต่ำและที่สำคัญลดปริมาณโซเดียมด้วยค่ะ การรับประทานโซเดียมสามารถรับประทานได้ 2,300 – 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วถ้าเราไม่ได้รับประทานอาหารที่ลดโซเดียมก็อาจทำให้เราได้รับปริมาณโซเดียมถึง 3,400 มิลิกรัม หรือปริมาณมากกว่านั้นต่อวัน

เพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถควบคุมการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมไม่เกิน 2,300 มิลลิกรัมต่อวันจะดีต่อร่างกายที่สุดค่ะ ซึ่งช่วยลดบวม และลดโอกาสการเกิดโรคต่างๆได้ดีค่ะ ในกรณีคนที่มีโรคประจำตัวและต้องการลดโซเดียมแบบจริงจังมากๆสามารถปรึกษานักโภชนาการ หรือปรึกษาแพทย์เพื่อที่จะได้ทราบถึงปริมาณโซเดียมในแต่ละวันที่ร่างกายของตนเองจะรับได้จริงๆค่ะ

ท้องถี่

ถ้าพูดถึงชาติที่ปรุงอาหารโดยการใช้เครื่องปรุงน้อยมากๆหรือบางเมนูแทบไม่ได้ใช้เลยก็คงจะหนีไม่พ้นอาหารญี่ปุ่น ซึ่งประเทศนี้เค้าเน้นกับรับรสสัมผัสจากตัววัตถุดิบแท้ๆ ไม่ว่าจะเป็น ซาชิมิ หรือซูชิ ที่ใครหลายๆคนโปรดปราน ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าคนญี่ปุ่นเป็นชาติที่ผู้คนมีอายุยืน

เพราะเค้ารับประทานอาหารดีๆ และมีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานปลา การปรุงอาหารแบบใส่โซเดียมน้อย หรืออาหารหมักอย่างนัตโตะ (ถั่วหมัก) ก็เป็นอาหารที่ได้ชื่อว่าดีต่อสุขภาพทั้งนั้นค่ะ นับว่าเป็นประเทศตัวอย่างของการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพเลยนะคะ

บทสรุปเรื่องอาการท้องบวม

เพื่อการป้องกันและลดอาการท้องบวมควรเลือกรับประทานอาการเพื่อสุขภาพ และลดโซเดียมลงในทุกๆมื้อที่เรารับประทาน ไตของเราจะได้ไม่ทำงานหนัก และเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างขึ้นได้ อย่างเช่น โรคไต ค่ะ

ซึ่งประโยคที่ว่า “You are what you eat” หรือที่แปลเป็นไทยว่า “กินอะไรได้อย่างนั้น” มันส่งผลต่อร่างกายของเราโดยตรงจริงๆค่ะ ซึ่งในยุคนี้เราสามารถหาซื้อเครื่องปรุงที่ลดโซเดียมได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปเลยนะคะ

ซึ่งเทรนด์ด้านสุขภาพก็กำลังมาแรงสุดๆในยุคนี้ หรือจะเป็นร้านอาหารคลีนก็มีขายกันอย่างแพร่หลายค่ะ ทำให้สะดวกสำหรับคนที่ต้องการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ และลดการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูงได้ง่ายขึ้นค่ะ

สุดท้ายนี้ขอให้ผู้อ่านทุกท่านมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ห่างไกลโรคภัย และมีความสุขกับการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพนะคะ

ท้องถี่

ตั้งครรภ​์Latest articles in the category