ทำความรู้จักเทรนเนอร์ปั่นจักรยาน
ใครที่เป็นสายปั่นจักรยานอยู่แล้วก็อาจจะรู้จักกันดีสำหรับ “เทรนเนอร์ปั่นจักรยาน” ซึ่งจริงๆเค้าคือ Indoor Trainer และบางคนก็เรียกสั้นๆว่าเทรนเนอร์ มีไว้สำหรับผู้ที่ต้องการปั่นจักรยานแต่ไม่มีพื้นที่ หรือต้องการปั่นในล่มนั้นเอง
ตัวเทรนเนอร์นี้สามารถใช้ได้ทั้งในห้องหรือในบ้านได้ ทำให้เหล่าสายปั่นทั้งหลายไม่ต้องกังวลหากวันไหนสภาพฝนฟ้าอากาศไม่เป็นใจให้ปั่นจักรยานเราก็สามารถจะปั่นในบ้านได้เพียงใช้เทรนเนอร์ในหารปั่นจักรยานก็สามารถออกกำลังกายไปได้เช่นเดียวกัน
รูปแบบของเทรนเนอร์ปั่นจักรยาน
เทรนเนอร์แบบสามลูกกลิ้ง
ภาพจาก https://888bike.net/
เป็นลักษณะตามด้านบนนี้ จะใช้สำหรับการจำลองการปั่นและใช้การทรงตัวและสมาธิในการปั่นอย่างมาก เทรนเนอร์แบบนี้จะช่วยเพิ่มทักษะในการทรงตัวได้ดีทีเดียว แต่จะต้องมีการระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
เทรนเนอร์แบบติดยึดกับจักรยาน
ภาพจาก www.kurtkinetic.com
ต่อมาอีกรูปแบบหนึ่งคือการยึดติดกับจักรยานไปเลย มีหลากหลายแบบให้เลือกทั้งแบบสัมผัสกับขอบล้อบริเวณขอบเบรคและแบบสัมผัสกับหน้ายางที่เป็นที่นิยมมากกว่า เพราะสามารถปรับเพิ่มหรือลดแรงกดบนหน้ายางได้ เพื่อให้เกิดความสนุกและความท้าทายที่เพิ่มมากขึ้น
ประโยนชน์ของเทรนเนอร์ปั่นจักรยาน
1.สามารถทำเมื่อไรก็ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องอุปสรรคจากสภาพอากาศลม ฝนที่ไม่สามารถควบคุมได้
2.ช่วยหลีกเลี่ยงการพบเจอมลภาวะทางอากาศ เช่น ฝุ่น ควันที่อาจก่อให้เกิดสิวหรืออาการแพ้สำหรับบางคน
3.ลดเวลาการเตรียมตัว เพราะไม่ต้องใช้อุปกรณ์เยอะ
4.ลดการเกิดอุบัติเหตุจากการปั่นบนท้องถนน
5.เป็นการออกกำลังกาย ช่วยให้สัดส่วนกระชับ น้ำหนักลดลง
6.สุขภาพร่างกายแข็งแรง เพิ่มทักษะในการทรงตัว
หาซื้อเทรนเนอร์ปั่นจักรยาน
CycleOps Super Magneto Pro
ภาพจาก http://www.saengthong.com/
เทรนเนอร์รุ่นใหม่ล่าสุดให้ความรู้สึกในการปั่นจักรยานที่เสมือนปั่นในถนนจริงเลยทีเดียว เหมือนจนต้องอึ้ง!! สามารถปรับระดับความหนืดได้ถึง 4 ระดับ ปั่นแล้วลื่นเบาสบาย เสียงเงียบไม่มีเสียงรบกวนใดๆ และมีระบบที่ดีเยี่ยม
ภาพจาก www.facebook.com/bikeandbodythailand
ยกระดับการปั่นจักรยานที่ไม่ธรรมดาอีกต่อไปกับตัวนี้ เป็นเทรนเนอร์ในรูปแบบ Smart Trainer คือสามารถแสดงจอภาพเป็นรูปแบบ 3 มิติ เหมือนเราเข้าไปสิ่งในสภานที่นั้นๆ เหมาะสำหรับคนที่เบื่อกับการปั่นที่เดิมๆ สามารถพาเราไปได้ทุกที่ที่ต้องการ
ความเบื่อจะหายไป ความทรมานจะมาแทนที่ ปิดโหมด bot ghost ไม่ต้องไปแข่งกับใครเอาแค่ชนะใจตัวเอาให้ผ่านด่านไปได้ก็พอ ส่วนตัวผมขึ้นเขา bkool อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ใช้เวลา ประมาณ ชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมง ไม่มีฟรีขา ไม่มีลงเข็น ไม่มีแวะถ่ายรูป ปั่นกันเพียวๆ รีวิวจาก pantip K.khunden :
อ่านรีวิวเพิ่มเติมคลิก– อันดับแรกเลยคือมันเป็น Smart Trainer + Simulator สามารถจำลองสภาพถนน ความชัน หรือแม้กระทั่งลม แล้วมาปรับความหนืดของตัวเทรนเนอร์ให้เรา ทำให้มันสมจริงมากๆ ในแง่ของความหนืด (ย้ำว่าในแง่ความหนืด) เวลาปั่นขึ้นเนิน ขึ้นเขา มันก็จะปรับให้หนืดขึ้น ลองปั่นขึ้นเนินความชัน 10% นี่เล่นเอาเหงื่อท่วมจริงๆ ไม่มั่นใจว่าปรับได้หนืดสุดแค่ไหน แต่รู้ว่ามันหนักเกินพอ เวลาปั่น บนแผนที่ก็จะโชว์ว่า ความชันตอนนี้กี่% และเหลือระยะทางอีกเท่าไหร่ ความชันต่อไปเป็นกี่ % ทำให้เราเตรียมตัวเปลี่ยนเกียร์รอได้เลย
– มีแผนที่ให้เลือกเล่นเยอะมากๆ ถึงแม้ว่าจะมีส่วนน้อยที่เป็น Video แต่เอาเข้าจริงๆ ผมกลับชอบเป็นภาพ 3 มิติ มากกว่า เพราะดูง่ายกว่า และไม่ค่อยสะดุดระหว่างปั่น แต่ตรงนี้ก็ขึ้นอยูกับความเร็วเน็ตด้วย
– เวลาปั่นแข่ง มันกระตุ้นให้เราอยากปั่นได้อย่างเหลือเชื่อ คือปั่นแบบหัวใจอยู่ Zone 4 ตลอดก็ยังไหว (ถ้าปั่นบนเทรนเนอร์ปกติ คงผ่อนไปซะก่อน)
– ตัวเทรนเนอร์เองสามารถวัดความเร็ว และรอบขาได้เลย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมใดๆ
– สามารถแสดงค่าวัตต์ได้ในตัว ซึ่งมีประโยชน์มาก สำหรับคนที่อยากลองกินวัตต์แบบผม เพราะลำพัง Power Meter ถูกสุดก็ 30,000 แล้ว ส่วน BKOOL ตัวนี้ เท่าที่อ่านรีวิวจากต่างประเทศ มันแสดงค่าวัตต์ได้แม่นยำพอสมควร Repeatability มันเพียงพอที่จะใช้อ้างอิงในการฝึกซ้อมได้เลย
– สามารถสร้าง Workout ได้ โดยอ้างอิงจากค่าวัตต์ หรือ Heartrate ก็ได้ เทรนเนอร์จะปรับความหนืดให้เองจนได้ค่าวัตต์ที่เราต้องการ
– ถ้าใช้โทรศัพท์ หรือ Tablet ที่รองรับ Ant+ (เช่นพวก Samsung หรือ Sony) สามารถโหลด App มาลง แล้วต่อตรงกับ Trainer ได้เลย ไม่ต้องใช้คอมเลย สะดวกมากๆ ผมใช้ต่อกับ Note 4 สะดวกกว่าต่อจาก Notebook เยอะ ไม่ค่อยมีปัญหา Hang ด้วย
– ไม่ต้องปรับความแน่นของตัวลูกกลิ้ง เพราะใช้น้ำหนักของเรากับจักรยานในการกดลูกกลิ้งลงไปเลย แต่ตรงนี้ก็มีข้อเสีย ไว้จะเล่าให้ฟัง รีวิวจาก pantip K.Donkey :
รีวิวเพิ่มเติมคลิก
Kurt Kinetic Rock and Roll
ภาพจาก shopee
เทรนเนอร์ลูกกลิ้งไฟฟ้าที่มีคุณภาพสูงเหมาะสมกับราคา แทบไม่ได้ยินเสียงขณะปั่น เสียงเงียบกริบละมุนมาก สามารถโยกซ้ายขวาได้เสมือนปั่นในสถานที่จริงสุดๆ มีระบบปรับความหนืดแบบอัตโนมัติ
– กล่องใหญ่มาก แบกขึ้นห้องนอนคนเดียวหลังแอ่น (เกี่ยวอะไรกันไหม) แกะกล่องออกมา ก็ยิ่งตกใจกับตัวเทรนเนอร์ที่มีขนาดใหญ่และหนักมาก หลังจากประกอบกันแล้วดูเป็นเทรนเนอร์ที่แข็งแรงมากที่สุดตั้งแต่เคยใช้มา งานพ่นสีดูเรียบร้อยพอสมควรตามราคา คู่มือที่ให้มาละเอียด และสวยงาม ตัวลูกกลิ้งก็มีขนาดใหญ่มาก ผิวลูกกลิ้งไม่เนี๊ยบเท่า CycleOps แต่ก็อยู่ในระดับที่ดีมาก
– ตัวล็อกจักรยาน สามารถปรับได้ทั้ง 2 ทาง ข้อดีคือสามารถปรับให้ยางอยู่ตรงกลางลูกกลิ้งได้ ซึ่งจำเป็นมากสำหรับตัว Rock and Roll เพราะถ้ายางไม่อยู่กลางลูกกลิ้ง เวลาปั่น บางทีจะพบว่าจักรยานเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งเล็กน้อย
– สามารถซื้ออุปกรณ์เสริม เพื่อให้เทรนเนอร์สามารถแสดงค่าวัตต์ได้ (แต่ผมยังหาซื้ออุปกรณ์ตัวนี้ไม่ได้เลย)
– Feeling ในการปั่นที่ต้องบอกว่า “สมราคา” และไม่เสียชื่อเทรนเนอร์แบบ Fluid เพราะความหนืดค่อยๆเพิ่มขึ้นแบบ Smooth มากๆตามความเร็วรอบเลย ยิ่งปั่นหนัก ยิ่งหนืด เวลาฟรีขา ก็มีตัว Fly Wheel มาช่วยเหวี่ยงให้ล้อหมุนฟรีได้ แต่มันเหวี่ยงน้อยกว่าตัว CycleOps น่าจะเกิดจากน้ำหนัก Fly Wheel น้อยกว่า (แต่มี Option ตัว Fly Wheel ขนาดใหญ่ให้ซื้อเพิ่มได้อีก)
– เสียงเงียบมาก ใกล้เคียง Super Magneto Pro แต่…..เวลาปั่นเบาๆ จะได้ยินเสียงของเหลวมันไหลอยู่ในระบบเลย
– การที่เราสามารถโยกซ้ายขวาได้ เมื่อใช้ร่วมกับถาดรองล้อที่หมุนได้ ทำให้เป็นจุดเด่นที่สุดของเทรนเนอร์ตัวนี้ที่ยังไม่มีใครเหมือน มันทำให้การปั่นจักรยานบนเทรนเนอร์ “มีชิวิตชีวา” ขึ้นมาก ปกติผมไม่ชอบยืนโยก ตอนที่ใช้เทรนเนอร์ปกติ ก็คิดว่าตัว Rock and Roll คงไม่จำเป็น เพราะเราไม่ได้ยืนโยกอยู่แล้ว แต่พอได้มา มันกลายเป็นสิ่งจำเป็นเสียแล้ว ถึงจะไม่ยืนโยก แต่เวลาปั่นท่าปกติ ตัวเทรนเนอร์มีการให้ตัวตลอดเวลา มันทำให้การปั่นเหมือนจริงขึ้น ไม่แข็งกระด้างอีกต่อไป รีวิวจาก pantip K.Donkey :
รีวิวเพิ่มเติมคลิก
สรุปเทรนเนอร์ปั่นจักรยาน
อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักปั่นจักรยาน และเป็นที่นิยมกันอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเทรนเนอร์ปั่นจักรยานนี้มีข้อดีมากมาย ช่วยให้การออกกำลังกายมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น สร้างความสนุกสนานในรูปแบบใหม่ทำให้ไม่เกิดความเบื่อหน่ายในการออกกำลังกาย
– อันดับแรก ต้องขอพูดถึง Feeling ในการปั่น ที่ต้องบอกว่าใกล้เคียงการปั่นถนนจริงมาก ปั่นครั้งแรก ตกใจเลยทีเดียว มันต่างจากเทรนเนอร์แม่เหล็กตัวก่อนหน้าที่เคยใช้แบบคนละเรื่อง เวลาเริ่มปั่นมันจะเบาขา และจะค่อยๆหนักขึ้นตามความเร็วที่เพิ่มขึ้น (Progressive) โดยเป็นไปแบบนุ่มนวลมาก เวลาเราผ่อนรอบขาลงก็จะมีแรงเหวี่ยงมาแทนที่ และถ้าเราหยุดปั่น ล้อก็จะยังหมุนฟรีไปตามแรงหน่วงที่เกิดจากตัว Fly Wheel ทำให้ความรู้สึกในการปั่นแตกต่างจากเทรนเนอร์ที่ไม่มี Fly Wheel แบบคนละเรื่อง
ใครที่เคยปั่นเทรนเนอร์แล้วบอกว่าไม่สมจริง ไม่สนุก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวเทรนเนอร์เองที่คุณภาพไม่ดีพอ หลังจากผมได้ตัวนี้มาช่วงกลางเดือน เมษายนที่ผ่านมา ผมปั่นบนเทรนเนอร์แทบทุกวัน ครั้งละ 1-2 ชั่วโมง ช่วยแก้อาการ “คัน” จากการที่ไม่สามารถไปปั่นบนถนนได้มากจริงๆ
– ปรับความหนืดได้ 4 ระดับ อันนี้หลายท่านเข้าใจผิด ว่าจะปรับไปทำไม เนื่องจากปกติ เทรนเนอร์ตัวนี้มันปรับความหนืดอัตโนมัติตามความเร็วอยู่แล้ว แต่มันคนละเรื่องกันเลยครับ ระดับความหนืด 4 ระดับนี้ คือการปรับกราฟความหนืด ซึ่งมีความชันแตกต่างกัน เช่นถ้าปรับไว้เบาสุดกับหนักสุด เวลาปั่นช้าๆ ความหนืดจะไม่แตกต่างกันมาก แต่ถ้าปั่นเร็วขึ้น ความหนืดจะยิ่งแตกต่างกันมากขึ้นชัดเจน ปั่นแล้วได้เหงื่อเป็นเม็ดๆแน่นอน
– เสียงเงียบกว่าที่คิดไว้เยอะ ปั่นไปฟังเพลงไปสบายๆ
– ปั่นแล้วทั้งยางและลูกกลิ้งแทบจะไม่ร้อนเลย และไม่กินยางด้วย (สังเกตุจากหลังปั่นจะไม่มีคราบยางติด) อาจจะเป็นเพราะตัวลูกกลิ้งใช้วัสดุที่ดี ผิวลูกกลิ้งเรียบเป็นมันวาวเลย
– โครงสร้างแข็งแรง มั่นคง หนักกว่าตัวแรกพอสมควร
– ระบบ Quick Lock / Quick Release ที่ทำออกมาดีมาก ทำให้การยึดจักรยานเข้ากับเทรนเนอร์ และการยึดตัวลูกกลิ่งกับยาง ทำได้เร็ว และได้ความแน่นที่ใกล้เคียงกันทุกครั้ง ไม่ต้องมานั่งถามว่า “ขันแน่นแค่ไหน” ปกติผมจะคลายตัวลูกกลิ้ง และตัวล็อกจักรยานทุกครั้งหลังเลิกปั่น ซึ่งตัวนี้ทำให้สะดวกขึ้นมาก รีวิวจาก pantip K.Donkey : รีวิวเพิ่มเติมคลิก