เชื่อว่าใครหลายคนโดยเฉพาะผู้หญิงที่สนใจในการดูแลสุขภาพ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอคงรู้จักการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอกันอยู่แล้ว
แต่สำหรับใครที่ ยังไม่รู้จักคาร์ดิโอ วันนี้ทาง beauty.worthen-life.com มีคำตอบมาฝากค่ะ เราจะไปดูกันว่า คาร์ดิโอ คืออะไร เป็นการออกกำลังกายแบบไหน และมีประโยชน์อย่างไรบ้างต่อการควบคุมน้ำหนัก หรือลดน้ำหนัก รวมไปถึงการรักษาสุขภาพของคุณ
คาร์ดิโอ คืออะไร?
คาร์ดิโอ (Cardio) คือ การออกกำลังกายประเภทเดียวกับแอโรบิก เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจและปอดให้แข็งแรง สามารถนำออกซิเจนมาใช้ได้มากขึ้น คือการเน้นการกระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต ระบบไหลเวียนโลหิต และรวบไปถึงระบบเผาผลาญ ทำให้เซลล์แข็งแรง สุขภาพดีขึ้น และยังช่วยในการลดน้ำหนักได้อีกด้วย
ประเภทของการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ จะเน้นให้อัตราการเต้นของหัวใจต่อเนื่องอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง หรือ 50% ของอัตราการเต้นเฉลี่ยของหัวใจสูงสุดลบด้วยอายุ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดประมาณ 220 ครั้งต่อนาที และสมมติคุณอายุ 25 ปี จะได้ 220 – 25 = 195 ครั้งต่อนาที
ดังนั้น การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอของคุณจะต้องให้หัวใจเต้นอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 97 – 98 ครั้งต่อนาที หรือมากกว่า ก็คือ 50% ของ 195 นั่นเองค่ะ
การออกกำลังกายคาร์ดิโอ มีอะไรบ้าง?
การออกกำลังกายแบบคาดิโอ ไม่มีหลักตายตัวที่ชัดเจน เพราะเพียงแค่ออกกำลังกายให้หัวใจเต้นได้ 50% ของอัตราการเต้นสูงสุดก็คือ คาร์ดิโอ และสามารถทำคาร์ดิโอทั้งระดับเบาและระดับเข้มข้นได้
การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทตาม ๆ ดังนี้
- การออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ (Lower ImpactnCardio Exercise)
- การออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกสูงขึ้น (Higher Impact Cardio Excise)
-
การออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ (Lower ImpactnCardio Exercise)
เป็นการออกกำลังกายที่ไม่เกิดแรงกดหรือแรงกระแทกมาก เช่น
- การว่ายน้ำ
- การปั่นจักรยาน
- ออกกำลังกายด้วยเครื่องเดินวงรี (Elliptical Trainer)
- การเดิน
- พายเรือ
- การออกกำลังกายด้วยเครื่องปั่นจักรยานท่อนบน (Upper Body Ergometer)
- การออกกำลังกายในน้ำ
-
การออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกสูง (Higher Impact Cardio Exercise)
เป็นการออกกำลังกายที่ทำให้เกิดแรงกดบริเวณข้อต่าง ๆ มาก หรือมีแรงกระแทกมาก เช่น
- การวิ่ง
- การกระโดดเชือก
- การเต้นแอโรบิกท่าพื้นฐานหนัก ๆ
- การเต้นซุมบ้า
- บอดี้เวท
ลดน้ำหนักด้วย “คาร์ดิโอ”
คาร์ดิโอ เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยลดไขมัน เผาผลาญไขมันได้โดยตรง หากคุณต้องการลดน้ำหนักด้วยคาร์ดิโอ ก็ควรทราบอัตราส่วนการเผาผลาญไขมันและไกลโคเจนเวลาเราทำคาร์ดิโอกันก่อน เพื่อจะได้ทราบว่าควรคาร์ดิโออย่างไรให้เผาผลาญไขมันได้มากที่สุด
-
คาร์ดิโอระดับเบา (50%)
เป็นการออกกำลังกายให้หัวใจเต้นประมาณ 50% ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด ร่างกายจะนำไขมันและไกลโคเจนมาเผาผลาญเพื่อเอามาใช้เป็นพลังงานในอัตราส่วน 60/4 ตามลำดับ
โดยในการเผาผลาญทั้งหมด 200 แคลอรี่จะเาผลาญไขมัน 120 แคลอรี่ และเผาผลาญไกโคเจน 80 แคลอรี่
-
คาร์ดิโอระดับเข้มข้น (75%)
เป็นการออกกำลังกายให้หัวใจเต้นประมาณ 75% ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด ร่างกายจะนำไขมันและไกลโคเจนมาเผาผลาญเพื่อเอามาใช้เป็นพลังงานในอัตราส่วน 35/65 ตามลำดับ
โดยในการเผาผลาญทั้งหมด 400 แคลอรี่จะเาผลาญไขมัน 140 แคลอรี่ และเผาผลาญไกโคเจน 260 แคลอรี่
เมื่อเราคาร์ดิโอในระดับเข้มข้น ร่างกายจะสามารถเผาผลาญพลังงานได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึง 24 ชั่วโมง ถึงแม้ว่าเราจะหยุดออกกำลังกายแล้วก็ตาม กล่าวคือ Afterburn Effect
ท่าออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ มีอะไรบ้าง?
- Warm Up ด้วยท่า Jumping Jack
- ท่า Bicycle Crunch
- ท่า Mountain Climber
- Squat Jump
- Lunge Jump
- Push – Up Burpee
- High Knees
คาร์ดิโอ กี่นาทีต่อวัน?
โดยระยะเวลาในการทำคาร์ดิโอขั้นต่ำที่แนะนำก็คือ
- 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 150 นาทีต่อสัปดาห์
- 60 นาทีต่อวัน 3 วันต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 180 นาทีต่อสัปดาห์
- หรือ 75 นาทีต่อสัปดาห์ (สำหรับการคาร์ดิโอเข้มข้น)
หากเรายิ่งคาร์ดิโอมากก็จะยิ่งลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น จึงควรคาร์ดิโอบ่อย ๆ เป็นประจำอย่างต่อเนื่องนะคะ แต่หากต้องการเล่นเวทเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ควรจำกัดคาร์ดิโอในขั้นต่ำก้เพียงพอค่ะ เพื่อส่งผลดีต่อการเล่นกล้าม
เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อน ๆ สำหรับข้อมูลต่าง ๆ รวบไปถึงคำแนะนำในการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ที่ทาง beauty.worthen-life.com เราได้นำมาฝาก หากเพื่อน ๆ อยากมีรูปร่างที่สวยงาม สัดส่วนกระชับ ก็อย่าลืมที่จะเริ่มหันมาออกกำลังกายกันด้วยนะคะ
Write a comment