ในปัจจุบันยังมีปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่ไม่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารเเละยาอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งบางชนิดก็มีการใส่ส่วนผสมบางอย่างที่อาจจะเป็นอันตรายร้ายเเรงต่อร่างกาย ทั้งยังมีการตรวจพบว่ามีวางจำหน่ายอยู่ทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก
ซึ่งหากเรามองผิวเผินก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้เลยว่า อาหารเสริมเหล่านั้นได้มาตรฐานเเละผ่านการรับรองจาก อย.หรือไม่ ดังนั้นในวันนี้ผู้เขียนจึงได้นำวิธีการตรวจสอบเลข อย.ของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่าง ๆ ผ่านทางช่องทางออนไลน์ ซึ่งคุณสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตนเอง โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้ค่ะ
ขั้นตอนการเช็คเลข อย.จากเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
1.ขั้นตอนในการเช็คเลขอย.ของอาหารเสริมนั้นก่อนอื่นเราจะต้องคลิกเข้าไปที่ http://porta.fda.moph.go.th
2.กรอกข้อมูลของอาหารเสริมลงในช่อง “สืบค้นข้อมูลผลิตภัณฑ์” โดยดูตัวอย่างการพิมพ์ชื่อค้นหาตามตัวอย่างด้านล่างดังนี้
ตัวอย่างในการค้นหา |
ผลิตภัณฑ์อาหาร เลขใบสำคัญ 10-3-XXXXX-X-XXXX หรือ ค้นหาด้วยชื่อ “ขนมแสนอร่อย” |
ผลิตภัณฑ์ยา เลขใบสำคัญ G1/59 หรือ ค้นหาด้วยชื่อการค้าเช่น “ยาตราเมดิคอล” |
ผลิตภัณฑ์วัตุอันตราย เลขใบสำคัญ 1/2559 หรือ ค้นหาด้วยชื่อ “ยาฉีดปลวก” |
ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง 10-X-XXXXXXX หรือ ค้นหาด้วยชื่อ “แป้งแป้ง” |
ผลิตภัณฑ์ยาเสพติด 23 10/47 หรือ ค้นหาด้วยชื่อ “ทรานส์” |
ผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ ผ.1/2559 หรือ ค้นหาด้วยชื่อ “เครื่องบดกระดูก” |
สถานที่ยา ค้นหาด้วยชื่อเช่น “ฟาร์มาซีเภสัช” |
3.กดปุ่ม “ค้นหา” หากสินค้ามี อย.ถูกต้องก็จะมีข้อมูลผลิตภัณฑ์ขึ้นมาดังตัวอย่างข้างล่างนี้ค่ะ
โหลดเเอปพลิเคชั่นก็สะดวกเช่นกัน
อีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำได้ง่าย ๆ จากมือถือของเรา ในกรณีที่เราจะต้องเช็คบ่อย ๆ ก็สามารถดาวน์โหลดเเอปพลิเคชั่นมาเก็บไว้ในมือถือได้เลยค่ะ
Link Download IOS https://apps.apple.com/th/app/oryor-smart-application/id674980984#?platform=iphone
Link Download Android https://play.google.com/store/apps/details?id=com.oryor.smartocr
บทส่งท้าย
ยุคนี้การช้อปปิ้งออนไลน์เป็นวิธีที่สะดวกสบายเป็นอย่างมาก ดังนั้นนอกจากเราจะเช็ครีวิวเเละข้อมูลของผลิตภัณฑ์ให้ดีเเล้ว การเช็คเลขอย.ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการคัดกรองสินค้าที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะ
อาหารเสริมซึ่งเราจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นอาหารที่เราจะต้องรับประทานเข้าไปทุกวัน เพื่อป้องกันการสะสมสารพิษอันตรายในร่างกายของเรานะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการองค์การอาหารเเละยา
Write a comment