20 อาหารจากธรรมชาติที่มีคอลลาเจนสูง

คอลลาเจน
ตัวช่วยคงความอ่อนเยาว์ให้แก่ผิว

ใครๆ ก็อยากจะมีผิวสวยเนียนเด้งไร้ริ้วรอยกันทั้งนั้น แต่จากอายุที่เพิ่มขึ้นและมลภาวะที่ได้รับอยู่เป็นประจำ ก็ยิ่งเพิ่มริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้ามากขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากการผลิตคอลลาเจนที่ลดน้อยลงหรือคอลลาเจนถูกทำลายจากพฤติกรรมต่างๆในแต่ละวัน

คอลลาเจนคืออะไร?

คอลลาเจนคือโปรตีนที่พบมากในร่างกายมนุษย์ซึ่งมักจะซ่อนตัวอยู่ในส่วนต่างๆของร่างกายเช่น ผิวหนัง เส้นผม เล็บ และข้อกระดูกต่างๆ

คอลลาเจนเกิดจากอะไร？

คอลลาเจนคือสารที่เรียกว่า polypeptide เกิดจากการผสมของกรดอะมิโนซึ่งร่างกายของคนเราสามารภผลิตขึ้นได้เอง แต่เมื่อไหร่ที่อายุเพิ่มมากขึ้นประสิทธิภาพในการผลิตจึงลดลงหรือหากใครที่มีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทำลายคอลลาเจนแล้วล่ะก็ คอลลาเจนก็จะถูกทำลายไปได้โดยที่ไม่ต้องมีอายุที่เพิ่มขึ้นก็ตาม ดังนั้นในสมัยนี้มนุษย์เราจึงสรรหาคอลลาเจนเพื่อมาเติมเต็มคอลลาเจนที่ขาดหายไปเพื่อบำรุงผิวให้สวยใส ไร้ริ้วรอย ซึ่งคอลลาเจนสามารถเพิ่มเข้าสู่ร่างกายได้ด้วยวิธีการต่างๆ แต่ถ้าจะพูดถึงการบำรุงจากภายในสู่ภายนอกแล้วล่ะก็

คงหนีไม่พ้นเรื่อง “กิน” อาหารที่มีคอลลาเจนสูงนั้นมีอยู่มากมายเราไปดูกันดีกว่าว่าอาหารประเภทไหนที่ควรบริโภคให้มากเพราะอุดมไปด้วยคอลลาเจนเป็นจำนวนมาก

 20 อาหารที่มีคอลลาเจนสูง ที่นอกจากจะหาทานได้ไม่ยากแล้ว ยังช่วยฟื้นฟูผิวพรรณและร่างกายของคุณได้ดีอีกด้วย

ถึงร่างกายของคนเราจะสามารถผลิตคอลลาเจนได้เองตามธรรมชาติ แต่เมื่อคุณมีอายุมากขึ้น อัตราการผลิตนั้นก็จะลดลงเรื่อยๆ ถ้าอยากรักษาความอ่อนเยาว์นี้ไว้ เรามาทำความรู้จักกับ 20 อาหารคอลลาเจนกันเลยดีกว่า

 20 อาหารที่มีคอลลาเจนสูง

1.ถั่วเหลือง

ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง หนึ่งในอาหารคอลลาเจนที่พบได้ทั่วไป ซึ่งถั่วเหลืองสามารถนำมาแปรรูปได้หลายรูปแบบ ทั้งน้ำเต้าหู้ ชีสถั่วเหลือง เต้าหู้ ฯลฯ แต่ในทุกๆ รูปแบบ ล้วนมีเจนิสติน (Genistein) หรือฮอร์โมนที่ได้จากพืชที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถตรงเข้าสร้างคอลลาเจนให้กับร่างกายของเรา และยังมีส่วนช่วยยับยั้งเอนไซม์ MMP (Matrix Metalloproteinase) ตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยแห่งวัย การรับประทานถั่วเหลืองบ่อยๆ จึงทำให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่งและดูมีน้ำมีนวล

2.ถั่วและธัญพืช

ไม่ว่าจะเป็น ถั่วฝักยาว ถั่วลันเตา ถั่วลิสง ฯลฯ ล้วนเป็นพืชที่อุดมไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid) ที่มีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดีมาก จึงช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น เมื่อผิวมีความชุ่มชื้นที่ดีเพียงพอ ผิวหน้าก็จะดูอ่อนเยาว์ เรียบเนียน

3.ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่มีรสหวานอมเปรี้ยว ไม่ว่าจะเป็นสตรอว์เบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ โกจิเบอร์รี่ ฯลฯ นอกจากพวกมันจะมีวิตามินซีสูงแล้วนั้น ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูงด้วยเช่นกัน โดยพบมากที่สุดในบลูเบอร์รี่ ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งสารสีแดงในเบอร์รี่ยังช่วยต้านความเสื่อมของร่างกายและชะลอความชรา ฟื้นฟูการสร้างคอลลาเจนในผิว ช่วยให้ผิวแลดูอ่อนกว่าวัย ริ้วรอยดูลบเลือนลง

4.กระเทียม

รู้หรือไม่ว่ากระเทียมซึ่งเป็นสมุนไพรคู่ครัว ที่มักเป็นส่วนผสมอยู่ในเมนูอาหารมากมายนั้น เป็นแหล่งรวมสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอวัย และสารซัลเฟอร์ (Sulfur) หรือกำมะถันที่พบในกระเทียมก็ยังช่วยทำให้การผลิตคอลลาเจนดีขึ้น สารซัลเฟอร์นี้เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อสุขภาพผม ผิวพรรณ และเล็บ นอกจากนี้กระเทียมยังมีสารทอรีน (Taurine) ที่ช่วยต้านอันตรายที่จะเกิดกับเส้นใยคอลลาเจน นั้นหมายความว่า คอลลาเจนจะได้รับการซ่อมแซมและมีอายุการใช้งานนานขึ้นอีกด้วย

5.ผักใบเขียว

ยิ่งมีสีเขียวเข้มมากก็ยิ่งดีมากขึ้น อย่างพวกคะน้า ผักกาดหอม ผักสลัด ผักโขม บร็อคโคลี่ ตำลึง หน่อไม้ฝรั่ง เป็นต้น ผักสีเขียวทั้งหมดนี้ขึ้นชื่อเรื่องการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า ลูทีน (Lutein) อีกทั้งยังมีเบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) ซึ่งทำให้เซลล์ร่างกายแข็งแรงขึ้น ทั้งยังช่วยชะลอความแก่ชราได้

6.กระดูกอ่อน

ทั้งกระดูกอ่อนหมูและกระดูกอ่อนไก่ เป็นอาหารคอลลาเจนที่ดีที่สุด เพราะอาหารอื่นๆ ส่วนใหญ่นั้น มักจะแค่กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนหรือมีส่วนช่วยในการรักษาคอลลาเจนไว้ แต่สำหรับกระดูกอ่อนนั้นมีรูปแบบการออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (Bioactive) ของโปรตีนที่ร่างกายสามารถเริ่มใช้งานได้ทันที โดยเราจะสามารถสังเกตเห็นคอลลาเจนแบบเป็นชิ้นเป็นอัน ด้วยการนำกระดูกอ่อนมาต้มเป็นน้ำซุปกระดูก แล้วทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นเราจะสังเกตเห็นส่วนที่เป็นวุ้นลอยอยู่เหนือน้ำซุปกระดูก และนั่นก็คือคอลลาเจนนั่นเอง ดังนั้นน้ำซุปกระดูกจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกของอาหารคอลลาเจน โดยน้ำซุปเนื้อมีคอลลาเจนชนิดที่ 1 ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงต่อสุขภาพผิว รวมไปถึงน้ำซุปไก่ที่มีคอลลาเจนชนิดที่ 2 ซึ่งช่วยเรื่องของข้อต่อต่างๆ

7.ลูกพรุน

จริงๆแล้วสาเหตุหลักที่คอลลาเจนในร่างกายของเราถูกทำลายนั้นเกิดจาก อนุมูลอิสระ ดังนั้นเราควรต้องหาอาหารที่ต่อต้านอนุมูลอิสระมายับยั้งการถูกทำลายของคอลลาเจน และหนึ่งในนั้นคือ ลูกพรุน ซึ่งวิธีรับประทานลูกพรุนเพื่อต้านอนุมูลอิสระนั้นทำได้ง่ายๆเพียงรับประทารลูกพรุนวันละ 5-6 ลูก

8.แซลม่อน

แซลม่อนเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 แล้วรู้หรือไม่ว่าโอเมเก้า 3 เป็นแหล่งสร้างคอลลาเจนจากธรรมชาติตัวสำคัญ และนอกเหนือจากปลาแซลม่อน ปลาทูน่าก็เป็นปลาที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 เช่นกัน

9.หอยนางรม

หอยนางรมไม่ได้มีสรรพคุณรับประทานแล้วจะ คึกคักคุกคิก ยามค่ำคืนเพียงอย่างเดียวแต่หอยนางรมนั้นอุดมไปด้วยธาตุสังกะสี ซึ่งช่วยในการบำรุงเส้นผม ยังไม่พอแค่นั้นหอยนางรมยังอุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่สำคัญต่อร่างกายเพราะกรดอะมิโนเป็นหนึ่งในกระบวนการการผลิตคอลลาเจนนั่นเอง

10.ดาร์กช็อกโกแลต

ดาร์กช็อกโกแลตเป็นอะไรที่ดีต่อใจและร่างกายมากๆ เคยได้ยินหรือเปล่าว่าช็อคโกแลตช่วยลดความเครียดได้ และในช็อกโกแลตนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระจึงทำให้ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนได้ใครที่รับประทานดาร์กช็อกโกแลตเป็นประจำแล้วล่ะก็ รับรองว่าหน้าใสเด้งและอารมณ์ดีอย่างแน่นอน

11.ไข่ขาว

ไข่ขาวอุดมไปด้วยโปรตีนเป็นจำนวนมาก สังเกตุได้ง่ายๆเลยว่าในกลุ่มคนเพาะกายหรือออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อนิยมรับประทานไข่เป็นอาหารหลัก และคอลลาเจนเองก็คือโปรตีนชนิดหนึ่ง เมื่อโปรตีนเจอกับโปรตีนก็เหมือนการสร้างความแข็งแกร่งผลึกกำลังความแข็งแรงของคอลลาเจนซึ่งทำให้ยากต่อการทำลาย

12.เมล็ดข้าวสาลี

ขึ้นชื่อว่า”ข้าว” ไม่ว่าจะเป็นข้าวประเภทไหนก็ย่อมดีต่อร่างกายทั้งนั้นและยิ่งเป็นเมล็ดข้าวสาลีแล้วล่ะก็อุดมไปด้วยกรดอะมิโนโปรลีนที่ค่อนข้างสูง ช่วยบำรุงร่างกายและยืดอายุคอลลาเจนในร่างกายของเราได้ด้วย

13.สาหร่ายทะเล

สาหร่ายทะเลหากใครเคยรับประทานจะรู้สึกถึงความกรึบๆ กรอบๆนั่นเป็นเพราะว่าสาหร่ายทะเลอุดมไปด้วยคอลลาเจนเป็นจำนวนมาก ใครอยากมีผิวสวยผิวใสไร้ริ้วรอยล่ะก็รีบหาสาหร่ายทะเลมาปรุงเป็นอาหารหลักด่วนๆเลย

14.เห็ด

เห็ดแทบทุกประเภทอุดมไปด้วยโปรตีนและสารต้านอนุมูลอิสระ และเมื่อเรารับประทานเห็ดเข้าไปแล้วจะช่วยส่งเสริมกระบวนการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย อยากผิวสวยผิวใสอ่อนวัยวันนี้ลองทำเมนูแกงเห็ดมารับประทานเพิ่มคอลลาเจนจากธรรมชาติกันหน่อยดีไหม

17.มะเขือเทศ

มะเขือเทศอุดมไปด้วยไลโคปีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องผิวจากแสงUV และกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน ถ้าให้แนะนำการดื่มน้ำมะเขือเทศสดวันละ 1 แก้วจะทำให้ได้รับไลโคปีนต้านอนุมูลอิสระไปแบบเต็มๆไม่มีกั๊ก แต่หากนำไปปรุงอาหารควรเลือกการอบจะทำให้ได้รับไลโคปีนมากเช่นกัน

15.มะพร้าว

ในลูกมะพร้าวนั้นมีน้ำมะพร้าวซ่อนอยู่ซึ่งหลายคนอาจเคยได้ยินว่าดีดี๊ดีต่อคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ แต่ไม่ใช่ว่าจะดีกับคุณแม่ตั้งครรภ์เพียงอย่างเดียว แต่คนทั่วไปก็สามารถดื่มน้ำมะพร้าวได้เช่นกัน เพราะน้ำมะพร้าวอุดมไปด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งช่วยสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยให้ผิวเต่งตึง กระจับและยืดหยุ่นเหมือนผิวเด็ก

16.อะโวคาโด

อะโวคาโดอุดมไปด้วยวิตามินต่างๆมากมาย และไม่ใช่แค่เนื้ออะโวคาโดเพียงเท่านั้น เมล็ดอะโวคาโดเองก็เต็มเปี่ยมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มคอลลาเจนและยังช่วยลดอาการเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งด้วย

18.แตงกวา

หลายคนอาจเคยนำแตงกวามาพอกหน้า เพื่อเพิ่มความขาวใสของผิวพรรณแต่รู้หรือไม่ว่าในแตงกวานั้นอุดมไปด้วยวิตามินมากมายโดยเฉพาะกำมะถันซึ่งเจ้ากำมะถันสำคัญมากในการสร้างคอลลาเจน และสำหรับใครที่มีริ้วรอยด้วยมีสิวด้วยยิ่งต้องรับประทานแตงกวาในมื้ออาหารให้มากเพราะแตงกวาช่วยเรื่องสิวด้วยนะ

19.กะหล่ำปลี

กะหล่ำปลีอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆมากมายดังต่อไปนี้

• วิตามินบี 6
• แมงกานิส
• โฟเลท
• แมกนีเซียม
• โพแทสเซียม
• ฟอสฟอรัส
• แคลเซียม
• ธาตุเหล็ก

นอกจากนี้กะหล่ำปลียังมีสารลูตินซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระและช่วยเสริมสร่างคอลลาเจน และแน่นอนกะหล่ำปลีเป็นผักที่มีรสหวานนำไปรับประทานเป็นอาหารมื้อไหนก็อร่อย

20.ส้มและมะนาว

ส้มและมะนาวเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวดังนั้นแน่นอนว่าต้องอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งเจ้าวิตามินซีนั้นเองมีส่วนช่วยในการผลิตคอลลาเจน และยังช่วยต้านอนุมูลอิสระอีกด้วยนะ ผิวเต่งตึงและยังขาวกระจ่างใสด้วยวิตามินซีอีกด้วย ถือว่ารับประทานเพียงหนึ่งได้ผลลัพธ์ถึงสองกันเลยนะ

เพราะการกินส่งผลต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก ดังนั้นเพียงแค่คุณลองปรับมาทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ เลือกทานสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายของเรา อย่าง 6 อาหารคอลลาเจนที่เราได้แนะนำ เพียงเท่านี้คุณก็จะมีตัวช่วยที่จะชะลอการเสื่อมลงของเซลล์ผิวหนังในร่างกาย ผิวพรรณก็จะยังคงเปล่งปลั่ง เนียนนุ่ม ไร้ริ้วรอยให้ต้องกังวล แต่อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง และทาโลชั่นป้องกันแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ แม้วิธีการเหล่านี้จะเห็นผลช้ากว่าทางลัดอื่นๆ อย่างการทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่างๆ หรือการเข้าคลินิกพึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีค่าใช้จ่ายสูง แต่รับรองว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยและยั่งยืนกว่าแน่นอน