หลายคนเมื่อออกกำลังกายไปได้สักพัก หรือ ออกกำลังกายเสร็จแล้วอาจจะเกิดอาการหน้ามืด ใจสั่น หรือรู้สึกจะเป็นลม อาการแบบนี้อันตรายมากน้อยแค่ไหน และควรทำอย่างไรดี วันนี้ทาง beauty.worthen-life.com เราจะมาคำคำถามเหล่านี้ และก็มีคำแนะนำดี ๆ มาฝากกันค่ะ
ออกกำลังกายแล้ว หน้ามืด เกิดจากอะไร
การเกิดอาการเป็นลม หน้ามืดในขณะออกกำลังกาย เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่ส่วนใหญ่มักจะพบบ่อยในผู้สูงอายุค่ะ โดยส่วนมากแล้วจะเกิดจากปัญหาด้านสุขภาพ เช่น
- อาการคามดันต่ำเกินไป
- หายใจไม่ทัน
- อาการของโรคหลอดเลือดและหัวใจ
อาการเป็นลม หน้ามืด มักจะเกิดกับคนที่ร่างกายอ่อนแอ การออกกำลังกายจะช่วยให้แข็งแรงขึ้น แต่ควรเลือกการออกกำลังกายที่ปลอดภัย เหมาะสมกับตัวเอง
สาเหตุ วูบระหว่างออกกำลังกาย
อาการวูบ หรือ หน้ามืด มักมีสาเหตุมาจากการที่เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอในช่วงเวลาสั้น ๆ หรืออาจเกิดจากมีเนื้องอกในสมอง ระบบของการทรงตัวเกิดความผิดปกติ สมองทำงานผิดปกติ หรืออาจจะเป็นสัญญาณเตือนของโรคอื่น ๆ
โดยมีสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดอาการหน้ามืด หรือ วูบ ดังนี้
-
อายุ
เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้เกิดโรควูบไม่รู้ตัว เมื่ออายุมากขึ้นจะส่งผลให้เส้นเลือดนั้นตีบลง ทำให้เลือดที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจลดลงตามไปด้วย
เพราะฉะนั้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้นแต่ยังออกกำลังกายหนักเท่าเดิม ก็อาจจะทำให้เกิดอาการวูบขณะออกกำลังกายได้เช่นกัน อาจจะรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
-
โรคประจำตัว
สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้วก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัย ที่ทำห้เกิดอาการวูบขณะออกกำลังกายได้เช่นกัน เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โลหิตจาง โรคอ้วน ลมบ้าหมู เป็นต้น
แต่ความจริงแล้วคนที่เป็นโรคประจำตัวเหล่านี้ก็ยังสามารถออกกำลังกายได้ เพียงแต่ต้องเลือกทำกิจกรรมการออกกำลังกายที่ไม่หนักจนเกินไป ยกตัวอย่างเช่น ออกกำลังกายด้วยวิธีการเต้นแอโรบิคแบบถูกต้อง
ซึ่งนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยรักษาโรคได้อีกด้วย แต่หากจะออกกำลังกายในรูปแบบอื่น ๆ ควรต้องไปปรึกษาแพทย์ก่อน แล้วให้แพทย์แนะนำกิจกรรมที่เหมาะสมกับร่างกาย เพื่อไม่ให้เกิดอาการวูบจนเกิดความเสี่ยงต่อชีวิต
-
ดื่มเหล้า สูบบุหรี่
การดื่มเหล้าในปริมาณที่มากเกินไป จะทำให้ร่างกายของคุณทรุดโทรมและส่งผลต่ออวัยวะภายใน เช่น ตับ ระบบประสาท และกล้าเนื้อจะถูกทำลาย
สำหรับผู้ที่ดื่มเหล้าก่อนไปออกกำลังกาย จะทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้นและระดับน้ำตาลในเลือดจะต่ำลง จึงส่งให้เกิดอาการหน้ามืดหรือวูบได้
ส่วนการสูบบุหรี่ สารพิษในบุหรี่เหล่านั้นจะกระตุ้นโคเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น จนกล้ามเนื้อหัวใจขาดเฉียบพลัน และร่างกายขาดออกซิเจนได้ จนทำให้เกิดอาการวูบหรือหน้ามืดในขณะออกกำลังกายได้เช่นกัน
-
อากาศ
ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง มลพิษในอากาศ ควันพิษ สารพิษ ก็สามารถทำอันตรายกับคนที่กำลังทำกิจกรรมออกกำลังกายอยู่ได้ ถ้ามีปริมาณที่มากพอก็อาจจะทำให้รู้สึกคลื่นไส้ วิงเวียนศรีษะ หน้ามืดและวูบในที่สุด
ถ้าออกกำลังกายในอากาศที่เย็นจัดหรือร้อนจัด ก็จะทำให้อุณหภูมิในร่างกายเปลี่ยนแปลงไปอย่างเฉียบพลัน จนส่งผลให้เกิดอาการวูบได้เช่นกัน
-
แพ้เหงื่อ
บางคนไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าตัวเองแพ้เหงื่อ แพ้สารที่เกิดในร่างกายจากการออกกำลังกาย ซึ่งเมื่อออกกำลังกายไปสักพักนึงก็จะทำให้เกิดอาการแพ้ จนถึงขั้นวูบเป็นลมหรือเกิดอาการหอบหืดขึ้นไดเช่นกัน
ควรออกกำลังแค่พอดีและหากมีผื่นลมพิษขึ้นตามผิวหนังควรหยุดออกกำลังกายทันทีนะคะ
หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี และรวมถึงการออกกำลังกายในที่ที่อุณหภูมิเหมาะสม
-
การใช้ยาบางชนิด
การใช้ยาบางชนิด โดยเฉพาะยาโด๊ป หากยาหมดฤทธิ์ขณะออกกำลังกายก็ทำทำให้ร่างกายนั้นหมดแรงตรงนั้นทันที จนเกิดอาการวูบและเพลียนจนหลับได้ ในยาบางชนิดจะมีฤทธิ์ที่ไปกดผลของการออกกำลังกายต่ออุณหภูมิและโลหิตไว้ จึงทำให้สมองหรือหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยงจนสามารถทำให้คุณวูบได้เช่นกัน
บทสรุปและวิธีการป้องกัน
เราต้องหมั่นสังเกตอาการของร่างกายตนเองให้ดี หากเริ่มรู้สึกผิดปกติ มีอาการหน้ามืด วิงเวียน ให้หยุดพักการออกกำลังกายนั้นลงก่อน แล้วค่อย ๆ นั่งลงพักอยู่ตรงนั้นก่อน หรือจะนอนราบลงไปกับพื้นเลยก็ได้ เพราะวิธีนี้จะสามารถทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น
และทั้งหมดนี้ก็เป็นคำแนะนำ และรวบรวมสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหน้ามืด หรือวูบในขณะออกกำลังกาย สามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเองกันได้เลยนะคะ
Write a comment