- 1.
- 2. สวัสดีค่าเพื่อนๆทุกๆคน
- 3. การฝังเข็มรักษาโรคอะไรได้บ้าง
- 4. ขั้นตอนการรักษาด้วยการฝังเข็ม
- 5. การฝังเข็มต้องรักษานานแค่ไหน
- 6. การครอบแก้วรักษาโรคอะไรได้บ้าง
- 7. ขั้นตอนการรักษาด้วยการครอบแก้ว
- 8. การครอบแก้วต้องรักษานานแค่ไหน
- 9. การรมยารักษาโรคอะไรได้บ้าง
- 10. ขั้นตอนการรักษาด้วยการรมยา
- 11. การรมยาต้องรักษานานแค่ไหน
- 12. สมุนไพรยาจีนโรคอะไรได้บ้าง
สวัสดีค่าเพื่อนๆทุกๆคน
พบกันอีกเช่นเคยนะคะเพื่อนๆ วันนี้บอกเลยว่าเราพกสาระเน้นๆมาเต็มกระเป๋า เพราะวันนี้เราจะพาเพื่อนๆมาเรียนอีกมิติหนึ่งของการรักษาโรคที่มีมาอย่างยาวนานแต่กลับไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันสักเท่าไหร่ เพื่อนๆเคยได้ยินคำว่าแพทย์แผนจีนหรือไม่คะ รู้หรือเปล่าว่าแพทย์แผนจีนนั้นคืออะไรไปดูกันค่ะ
แพทย์แผนจีนคืออะไร
เข้าเรื่องแบบไม่ลีลาเลยแล้วกันนะคะเพื่อนๆ การแพทย์แผนจีนนั้นถ้าพูดอย่างเข้าใจง่ายๆก็คล้ายๆกับการแพทย์แผนไทย นั้นก็คือมีการรักษาโรคกันมาตั้งแต่โบราณ รักษาด้วยสมุนไพรจีน รักษาด้วยการรักษาแบบพื้นบ้าน
พัฒนามาเรื่อยๆจนเป็นที่ยอมรับและสามารถรักษาโรคต่างๆได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ก่อให้เกิดอันตราย ไม่ว่าจะเป็นการฝังเข็ม การครอบแก้ว การรมยา การรักษาโรคด้วยสมุนไพรยาจีน
เราไปดูรายละเอียดของการรักษาโรคแต่ละโรคทางแพทย์แผนจีนกันดีกว่าค่ะเพื่อนๆว่ามันรักษาได้อย่างไรบ้าง มาดูกันเลยยย
การฝังเข็ม
การฝังเข็มเป็นศาสตร์หนึ่งในการรักษาทางการแพทย์แผนจีนที่มีมานานหลายพันปี รักษาโดยใช้เข็มขนาดเล็กเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 0.15-0.25 mm ฝังหรือจิ้มบนร่างกายบริเวณที่มีปัญหา
การฝังเข็มนั้นจะไปกระตุ้นระบบประสาทและระบบไหลเวียนโลหิตที่ทำงานผิดปกติในร่างกายให้กลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและปรับสภาพความสมดุลในร่างกายให้เข้าที่ โดยไม่ต้องพึ่งยาหรือสารเคมีใดๆเข้าช่วย เปรียบเสมือนการกระตุ้นให้ร่างกายรักษาและซ่อมแซมตนเอง
การฝังเข็มรักษาโรคอะไรได้บ้าง
- โรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทและการเคลื่อนไหว
- โรคที่เกี่ยวกับลำไส้และการขับถ่าย
- โรคที่เกี่ยวกับระบบการหายใจ
- โรคที่มีอาการปวดต่างๆ
- นอกจากรักษาโรคแล้วการฝังเข็มยังสามารถช่วยเรื่องของความงามได้อีกด้วย
ขั้นตอนการรักษาด้วยการฝังเข็ม
ในการฝังเข็มนั้นไม่ได้มีขั้นตอนอะไรซับซ้อนมากนัก ดังนี้
- แพทย์จะวินิจฉัยอาการและกำหนดจุดตำแหน่งของการฝังเข็มบนร่างกาย
- หลังจากที่กำหนดจุดฝังเข็มแล้วแพทย์จะทำการฝังเข็มลงบนร่างกายความลึกตั้งแต่ 0.5 cm ไปจนถึง 5-10 cm ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาความลึกตามรูปร่างกายผู้ป่วยอีกที
- ในการฝังเข็มอาจมีการกระตุ้นโดยการหมุนเข็มที่ฝังอยู่บนร่างกายเพื่อให้เลือดสูบฉีดได้ดียิ่งขึ้น
- การฝังเข็มจะทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีหลังจากนั้นแพทย์จะทำการถอดเข็มออก ก็ถือเป็นการจบการรักษา
การฝังเข็มต้องรักษานานแค่ไหน
ต่อไปเราไปดูการรักษาแบบการครอบแก้วกันบ้างดีกว่าว่ามันคือรักษาอย่างไร ไปดูกันเลยยย
การครอบแก้ว
การครอบแก้วเป็นศาสตร์การรักษาหนึ่งที่มีมานานนับพันปีไม่แพ้กับการฝังเข็ม เรีบกได้ว่าเกิดมาไล่เลี่ยกันเลยก็ว่าได้ การครอบเเก้วนั้นเป็นการนำแก้วที่ทำการดูดอาการออกให้หมดหรือที่เรียกว่าสูญญากาศมาครอบติดไว้บริเวณ
ผิวหนังจากนั้นแก้วจะทำการดูดติดกับผิวและจะทำการดูดเส้นเลือดบริเวณที่ทำการครอบแก้วนั้นด้วยยเพื่อกระตุ้นให้การทำงานของระบบเลือดนั้นดีมากยิ่งขึ้น ปรับสภาพให้เกิดความสมดุลในร่างกายทั้งระบบเลือดและระบบประสาท
การครอบแก้วรักษาโรคอะไรได้บ้าง
- โรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ
- โรคที่เกี่ยวข้องกับลำไส้และกระเพาะอาหาร
- โรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือด
- โรคเกี่ยวกับผู้หญิง
- โรคที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและระบบประสาท
ขั้นตอนการรักษาด้วยการครอบแก้ว
- แพทย์จะทำการดูดอาการออกจากแก้วที่จะใช้ครอบโดยการลนไฟ หรือดูดอากาศออกด้วยเครื่องดูดอากาศ แล้วทำการแปะที่แผ่นหลังของผู้ป่วย จากนั้นจะมีการคลั่งของเลือดขึ้นมาบริเวณที่ทำการครอบแก้วโดยจะเป็นรอบจ้ำๆเหมือนการช้ำเลือด
- การครอบแก้วจะทิ้งไว้เพียง 5-6 นาทีเท่านั้นเพื่อป้องกันการเกิดตุ่มน้ำซึ่งหากเกิดขึ้นอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
การครอบแก้วต้องรักษานานแค่ไหน
ไปต่อกันที่การรมยากันเลยดีกว่าค่ะเพื่อนๆ สาระเน้นๆไม่มีพักก ไปดูกันเลยย
การรมยา
ต้องบอกก่อนว่าการรมยานั้นมีลักษณะคล้ายกับการฝังเข็ม แต่การรมยาจะรักษาเมื่อผู้ป่วยทำการฝังเข็มแล้วไม่เป็นผล การรมยาเป็นการใช้สมุนไพรจีนที่มีชื่อว่า “อ้ายเย่ว” เป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นฉุนมากทางการแพทย์จีนเชื่อว่าสมุนไพรตัวนี้มีกลิ่นฉุนและแรงมากจะช่วยในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดได้มากกว่าการฝังเข็มปกติ
โดยจะใช้สมุนไพรนี้ในลักษณะของการเป็นหัวเชื้อเพื่อใส่ไฟรมยาบริเวณด้ามเข็มที่ฝังอยู่บนร่างกาย ซึ่งจะเเพร่ความร้อนเป็นอุณหภูมิที่อุ่นๆพอเหมาะแก่การรักษา
การรมยารักษาโรคอะไรได้บ้าง
ขั้นตอนการรักษาด้วยการรมยา
- แพทย์จะทำการฝังเข็มเสมือนการฝังเข็มรักษาโรคปกติ
- จากนั้นจะนำยาที่เป็นสมุนไพรอ้ายเย่วที่ใช้บดเป็นผงที่อัดมาเป็นลักษณะแท่งหรือก้อนนำมาปักบนด้ามเข็มที่ฝังอยู่บนร่างกายของเรา
- จากนั้นแพทย์จะทำการจุดไฟที่แท่งสมุนไพรที่ปักอยู่บนด้ามเข็มเพื่อให้เกิดควันออกมา โดยใช้เวลา 10-20 นาทีเพื่อให้การรมยานั้นแพร่กระจายความร้อนเพื่อกระตุ้นระบบในร่างกายให้เข้าทีปรับสมดุลของทางเดินหมุนเวียนเลือดให้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น
การรมยาต้องรักษานานแค่ไหน
ต่อไปเราไปดูวิธีการรักษาของการแพทย์แผนจีนอีกหนึ่งวิธีนั้นก็คือการรักษาด้วยยาสมุนไพรกันบ้างดีกว่าค่ะเพื่อนๆว่ามีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยย
การรักษาด้วยสมุนไพรยาจีน
การรักษาโรคด้วยยาจีนนั้นเป็นสิ่งที่มีมานมนานกว่า 4 พันปี จะเป็นการนำเอาสมุนไพรต่างๆมาแปรรูปเป็นยารักษาโรคซึ่งจะออกมาในชนิดผง ชนิดเม็ด หรือเป็นยาต้มเพื่อรับประทาน ซึ่งยาจีนนั้นสามารถใช้รักษาโรคต่างๆได้ไม่แพ้
กับการฝังเข็ม การครอบแก้ว หรือการรมควันเลยค่ะ ซึ่งการกินสมุนไพรยาจีนนั้นบางครั้งอาจได้รับควบคู่มากับการรักษาด้วยสามวิธีแรกที่กล่าวมาก็เป็นได้
สมุนไพรยาจีนโรคอะไรได้บ้าง
- โรคที่เกี่ยวกับเลือดลม
- โรคที่เกี่ยวกับระบบขับถ่าย
- โรคที่เกี่ยวกับกระเพาะและลำไส้
- โรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทและสมอง
- โรคนอนหลับยาก
- โรคที่เกี่ยวกับสมรรถภาพทางเพศ
- โรคที่เกี่ยวกับกำลังแรงกาย
- การบำรุงร่างกาย
- โรคอายุรกรรมต่างๆ
บทสรุป การรักษาทางการแพทย์แผนจีน
การรักษาทางการแพทย์แผนจีนนั้นมีหลักๆด้วยกัน 4 อย่างนั้นคือ การฝังเข็ม การครอบแก้ว การรมยา และการรักษาด้วยสมุนไพรยาจีน ซึ่งการรักษาแต่ละอย่างนั้นมีมาอย่างยาวนานและทำกันอย่างแพร่หลายในหลายประเทศ เป็นการรักษาทางเลือกที่นอกเหนือจากการรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบัน
โดยการรักษาทางแพทย์แผนจีนนั้นได้รับการพิสูจน์และยอมรับจากทั่วโลกว่าสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ทุเลาเบาลงได้จริง เป็นการรักษาที่ปลอดภัย ความเสี่ยงค่อนข้างน้อย ในไทยเราเองก็มีการรักษาด้วยการแพทย์แผนจีน
มากมายหลายที่ด้วยกัน เป็นการรักษาที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยนะคะเพื่อนๆ หวังว่าข้อมูลของเราในวันนี้จะให้ประโยชน์แก่เพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะคะ สำหรับวันนี้หมดเวลาของเราอีกแล้วว ต้องขอตัวลาไปก่อน ไว้เจอกันใหม่นะคะเพื่อนๆ บ๊ายบายย