สวัสดีค่าเพื่อนๆ วันนี้เรามาพูดกันเรื่องของการคุมกำเนิดที่สาวๆทุกคนต้องใส่ใจ เพราะถ้าไม่อยากพลาดก่อนเวลาอันควรละก็เราก็ควรจะให้ความสำคัญกับสิ่งนี้เป็นพิเศษ
ถ้าพูดถึงการคุมกำเนิดละก็เพื่อนๆก็การคุมกำเนิดนั้นมีหลากหลายวิธีแล้วแต่จะเลือกใช้ แต่ขอบอกก่อนเลยว่าไม่ใช่ถูกวิธีที่จะปลอดภัย 100% และขอบอกว่าไม่มีวิธีไหนสามารถคุมได้ 100% เช่นกัน เพียงแต่ว่าวิธีไหนสามารถคุมได้มากที่สุดและลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ได้มากสุดเท่านั้นเอง
การฝังเข็มยาคุม VS การกินยาคุมรายเดือน เลือกอะไรดี ?
ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าการฝังเข็มยาคุมและการกินยาคุมรายเดือนนั้นทั้งสองสามารถยับยั้งการตั้งครรภ์ได้ดีไม่แพ้กันเลยทีเดียว เพราะเหตุนี้เองจึงอาจทำให้เพื่อนๆเกิดอาการสับสนว่าจะเลือกวิธีไหนดี ก่อนอื่นเราไปดูข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธีกันค่ะเพื่อนๆ ว่ามันมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยย
การฝังเข็มยาคุม
การกินยาคุมรายเดือน
ลืมกินยาคุม จะส่งผลอย่างไรบ้าง ?
สำหรับการกินยาคุมแบบรายเดือนแน่นอนว่าเป็นยาคุมที่จำเป็นจะต้องกินทุกวันติดต่อกัน ดังนั้นหากลืมกินวันใดวันหนึ่งจะต้องคำนึงดังต่อไปนี้
1.หากลืมกินยาคุมใน 1 วัน เพื่อนๆสามารถกินทันทีที่นึกได้ในวันนั้นๆ
2.แต่กรณีที่ลืมกินยาคุม 2 เม็ดขึ้นไปถือว่ามีอัตราแล้วเสี่ยงในการตั้งครรภ์เพิ่มสูงขึ้นถึง 50%
ฉะนั้นหากเพื่อนๆลืมกินยาคุมถึง 2 เม็ดด้วยกันแล้ว เราขอแนะนำว่าให้หยุดการกินยาคุมแผงนั้นเสียก่อน
จากนั้นในการมีเพศสัมพันธ์แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยเป็นหลักช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดี จนกว่าจะถึงรอบเดือนใหม่ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชเพื่อขอเริ่มยาคุมแผงใหม่
คำเตือนจากเรา : สำหรับใครที่ไม่พร้อมไม่ชอบการใส่ถุงยางเราขอแนะนำว่าให้พักการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน ห้ามมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันเด็ดขาด!! แม้จะบอกว่าเป็นการหลั่งนอกก็ตาม
เพื่อนๆรู้หรือไม่ว่าขณะมีเพศสัมพันธ์นั้นเมื่อเพศชายมีน้ำหล่อลื่นออกมาสามารถมีอสุจิปนออกมาได้ถึง 40% ฉะนั้นไม่สำคัญเลยว่าจะหลั่งนอกหรือในเพราะการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันนั้นถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ได้ถึง 90%
ต่อไปเราได้เปรียบเทียบข้อแตกต่างของการฝังเข็มยาคุมและการกินยาคุมอย่างเห็นได้ชัดมาให้เพื่อนๆได้ดูกันด้วยน้าา ไปดูกันเลยค้าาา
การฝังเข็มยาคุม และ การกินยาคุมรายเดือน ต่างกันอย่างไร ?
หัวข้อ
|
การฝังเข็มยาคุม
|
การกินยาคุมแบบรายเดือน
|
การยับยั้งการตั้งครรภ์
|
99.77%
|
99.70%
|
ปริมาณการใช้ยา
|
ฝังเข็ม 1 ครั้งใช้งานได้ 3-5 ปี
|
กินยา 28 วัน/เดือน
|
การป้องกันโรคติดต่อทางเพศ
|
ไม่สามารถป้องกันได้
|
ไม่สามารถป้องกันได้
|
ค่าใช้จ่าย
|
3,000 – 5,000 บาท
|
100 – 500 บาท
|
ผลข้างเคียง
|
-อาจมีอาการประจำเดือนมาไม่ปกติ -ปวดหัว อาเจียน -อารมณ์แปรปรวน ** เป็นอาการในช่วงเดือนแรกที่ทำการฝังยาคุม หลังจากนั้นร่างกายจะเริ่มปรับตัวและกลับเข้าสู่ภาวะปกติ |
-อาการคลื่นไส้ -อาเจียน -อาการตัวบวมน้ำหนักเพิ่ม (ยาบางชนิด) ** อาการเหล่านี้จะเริ่มหายไปเมื่อกินยาแผงแรกหมด |
จากตารางความแตกต่างแล้วเพื่อนๆจะเห็นได้ว่าการคุมกำเนิดทั้งสองประเภทนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร แต่จะเห็นได้ว่าทั้งสองประเภทนี้มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั้นคือ ความสามารถในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศที่ทั้งการฝังเข็มยาคุมและยาคุมแบบรายเดือนไม่สามารถป้องกันได้เหมือนกันทั้งสอง
ดังนั้นการมีเพศสัมพันธ์ที่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศได้ดีที่สุดนั้นคือการใช้ถุงยางอนามัยควบคู่กับการใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นๆ อย่าลืมคำนึงถึงความปลอดภัยกันด้วยนะค้าเพื่อนๆ
สำหรับเพื่อนๆที่ยังเลือกไม่ได้ว่าควรจะเลือกวิธีไหนให้เหมาะกับตนเองดี เราจะแนะนำเพื่อนๆเองค่าว่าควรเลือกแบบไหนดี
เช็กตัวเอง ว่าเหมาะกับการคุมกำเนิดแบบไหนมากที่สุด
หากเพื่อนๆมีคุณสมบัติดังนี้ให้เพื่อนๆเลือกการคุมกำเนิดแบบการฝังเข็มยาคุม
- ไม่กลัวการผ่าเพื่อฝังเข็ม ไม่มีปัญหาถ้าจะมีอะไรมาฝังอยู่ภายในร่างกาย
- มีกำลังพอที่จะจ่ายในคราวเดียว
- เป็นคนที่ชอบหลงลืมและไม่ชอบการกินยา
- เป็นคนที่ไม่อยากแบกรับความเสี่ยงในเรื่องการตั้งครรภ์ใดๆทั้งสิ้น
หากเพื่อนๆมีคุณสมบัติตรงตามนี้เราขอแนะนำให้เพื่อนๆนั้นเลือกฝังเข็มยาคุมเลยค่าา
แต่ถ้าหากเพื่อนๆมีคุณสมบัติดังด้านล่างนี้ให้เพื่อนๆเลือกการคุมกำเนิดแบบยาคุมรายเดือน
- ไม่อยากเจ็บตัว
- ไม่อยากจ่ายแพง
- สามารถกินยาคุมได้ตรงเวลาและกินครบทุกวัน
หากเพื่อนๆตรงตาม 3 ข้างต้นนี้ก็ควรเลือกการคุมกำเนิดด้วยยาคุมรายเดือนนะค้าา
บทสรุป การฝังเข็มยาคุม กับ การกินยาคุมรายเดือน เลือกแบบไหนดี ?
การคุมกำเนิดด้วยการฝังเข็มยาคุมและการกินยาคุมแบบรายเดือน ต่างก็สามารถคุมกำเนิดได้ด้วยประสิทธิภาพที่ไม่แพ้กัน เพียงแต่ขึ้นอยู่กับตัวเพื่อนๆเองว่าสะดวกที่จะใช้วิธีไหน ซึ่งเราก็ได้อัดข้อมูลมาเพื่อให้เพื่อนๆประกอบการตัดสินใจอย่างเต็มที่ หวังว่าข้อมูลนี้จะมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆนะค้าา
Write a comment