อย่างที่คุณพ่อคุณแม่หลายๆคนทราบดีว่าอาหารมื้อแรกของเจ้าตัวน้อยนั้นจะต้องมีอายุตั้งแต่ 6 เดือนเพราะว่าแรกเกิดจนถึง 6 เดือนเนี่ยเป็นช่วงเวลาที่ทานแต่นมแม่ล้วนๆเลย เนื่องจากนมแม่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ควรจะมีอาหารเสริมใดใด แม้แต่น้ำก็ห้ามทาน แต่ถ้าเป็นเด็กนมชงนะคะ คุณแม่ก็สามารถที่จะให้ล้างปากตามเข้าไปด้วยเพื่อที่จะล้างคาบน้ำนมได้ค่ะ
คำถาม : เพราะอะไรถึงไม่สามารถให้อาาหารเสริมก่อน 6 เดือนได้
คำตอบ : เพราะว่าระบบย่อยอาหารของเด็กนั้นยังไม่ดีค่ะ และกระดูกสันหลังแล้วก็คอยังไม่ตั้งตรงการให้อาหารเร็วเกินไปนั้นมันเป็นอันตรายต่อกระเพาะและลำไส้ของเด็กมากๆเลยนะคะ หรือบางทีอาจจะไปติดหลอดลมทำให้เสียชีวิตได้เลย ซึ่งเป็นอันตรายมากๆเลย เพราะฉะนั้นนะคะห้ามให้อาหารอะไรเด็กเลย กล้วยบดก็ไม่ได้นะคะ
* แต่ปัจจุบันนี้ การให้อาหารเด็กก่อน 6 เดือนนั้นมีเยอะอยู่เหมือนกันค่ะ เลยอยากจะแนะนำว่าอยากให้คุณแม่ให้อาหารเสริมต่างๆเริ่มหลัง 6 เดือนขึ้นไปนะคะ *
หลังจากผ่าน 6 เดือนมาแล้วนะคะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้คุณแม่เพิ่มไปทีละอย่าง ข้อดีของการลองไปทีละอย่าง นั่นคือเราจะทราบว่าเจ้าตัวน้อยของเราเนี่ยแพ้อะไรค่ะ และมื้อแรกที่คุณแม่ส่วนใหญ่จะเริ่มทำให้เจ้าตัวน้อยรับประทานนะคะ คือข้าวบดผสมน้ำนมแม่
ควรลองประมาณ 5-7 วันถ้าเจ้าตัวน้อยกินได้ดี คุณแม่ก็ค่อยๆเพิ่มอาหารอย่างอื่นเข้ามา เช่น ตำลึง แครอท บล็อคโคลี่ หรืออาจจะรวมผักสีเขียวในมื้อนั้น ๆ เพราะว่าในน้ำนมแม่นั้นไม่มีธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในการบำรุงสมองของเจ้าตัวน้อย ซึ่งสารอาหารในผักสีเขียวนั้นจะไปพัฒนาสมองของเจ้าตัวน้อย
รวม 3 เมนูอาหารสำหรับลูกน้อยวัย 6 เดือน
มาเริ่มกันที่มื้อแรกนะคะ : ข้าว + ผัก 5 ชนิด
สิ่งที่ต้องเตรียม
- ข้าวหอมมะลิขาว
- มะเขือเทศ
- บล็อคโคลี่
- แครอท
- ผักโขม
- ฟักทอง
วิธีทำ
- นึ่งขาวขาว และนำผักทั้งหมดหั่นลงใส่เครื่องปั่น
- หลังจากหั่นเรียบร้อยก็นำผักทั้งหมดไปนึ่ง คุณแม่ควรปิดฝาหรืออาจจะหาผลิตภัณฑ์ที่ไอน้ำมันไม่ระเหยออกนะคะ เพราะสารอาหารจะได้อยู่ข้างในครบถ้วนและก็จะได้น้ำซุปด้วย
- หลังจากนึ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เอาอาหารต่างๆมาปั่นรวมกับน้ำซุป
- ปั่นให้ละเอียดเพราะว่า 6 เดือนเขาเพิ่งเริ่มทานอาหารได้และกระบวนการย่อยของลำไส้เขานั่นยังทำงานได้ไม่ค่อยดี จึงควรปั่นให้ละเอียดที่สุดนะคะ
- คุณแม่คนไหนที่ไม่เครื่องปั่นนะคะอาจจะทุบหรือบดเอาก็ได้ค่ะ แต่ต้องให้ละเอียดมากๆนะคะ
มื้อที่สองมาแล้วค่ะ : ข้าว + กล้วย
สิ่งที่ต้องเตรียม
- ข้าวตุ๋น 1 ช้อนโต๊ะ
- กล้วย 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- นำข้าวขาวที่ล้างเรียบร้อยแล้ว ใส่น้ำในปริมาณที่เยอะกว่าปกติ แล้วยกขึ้นตั้งไฟ
- ในระหว่างที่ต้มต้องหมั่นคนไปเรื่อยๆ และคแยสังเกตว่าเม็ดข้าวเริ่มบานและได้ที่แล้วก็ปิดไฟได้เลยค่ะ
- ตั้งทิ้งไว้ให้หายร้อน จากนั้นปั่นให้เนื้อเนียนละเอียดก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
- นำกล้วยมาหั่นและบดให้ละเอียด
- ใส่ข้าวตุ๋นลงไปผสมกับกล้วยบด แล้วบดอีกครั้งให้ทั้งสองอย่างเข้ากันและละเอียดที่สุด
- พร้อมเสิร์ฟให้เจ้าตัวน้อยเลยค่ะ
และมื้อที่สาม: ข้าวบด + ฟักทอง
สิ่งที่ต้องเตรียม
- ข้าวตุ๋น 1 ช้อนโต๊ะ
- ฟักทองปั่น/บด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- นำฟักทองที่บดเสร็จแล้ว 2 ช้อนโต๊ะ ไปใส่ถ้วย
- ข้าวที่ตุ๋นเรียบร้อยแล้ว 1 ช้อนโต๊ะใส่รวมกับฟักทองและคนให้เข้ากัน
- ถ้าเกิดเหนียวหนืดเกินไป ก็สามารถเติมน้ำซุปที่ได้จากการนึ่งฟักทองใส่ลงไปได้ค่ะ
มื้อสุดท้ายนะคะ: ข้าวบดอะโวคาโดกับซุปปลาแซลมอน
- ข้าวต้มกรองน้ำออก 1 ทัพพี
- อะโวคาโด 1 ช้อนโต๊ะ
- นมที่ลูกดื่ม 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุปผัก 150 มิลลิลิตร
- ผักกาดขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- ปลาแซลมอน 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
-
- นำข้าวบดกับอะโวคาโดและนม (พักไว้)
- นำน้ำซุปต้มกับปลาและผักกาดขาว เมื่อสุกแล้วบดให้เข้ากัน จัดเสิร์ฟพร้อมกับข้าวบดอะโวคาโด
- อโวคาโด้ : มีโปรตีนสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่น ซึ่งเป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายและมีเส้นใยอาหารสูงจึงช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดีค่ะ
ข้อควรระวัง !!!!
บทสรุป
คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังกังวลอยู่ หวังว่าสิ่งที่นำมาแชร์จะช่วยลดความเครียดในการหาอาหารให้เจ้าตัวน้อยได้นะคะ แต่ทั้งนี้ก็อย่าลืมคอยสังเกตอาการแพ้อาหารของลูกด้วยนะคะ ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่อยากให้แน่ใจที่สุด ควรให้ลูกรับประทานเมนูเดิมซ้ำกันอย่างน้อย 3 ครั้งติดต่อกัน หากแน่ใจว่าไม่แพ้ก็ให้เริ่มเมนูใหม่ไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าหากเกิดอาการแพ้ เช่น มีผื่นแพ้ อาเจียน ท้องอืด หรือขับถ่ายผิดปกติ แนะนำให้หยุดอาหารชนิดนั้นและไปปรึกษากุมารแพทย์จะดีที่สุดค่ะ
Write a comment