พอพูดถึงการบำรุงผิวของสาวๆชาวเรากัน ผิวของพวกเราก็ดันไม่เหมือนกันซะทุกคนอีก วันนี้เราจะมาจำแนกประเภทของผิวเพื่อให้เราสามารถดูแลได้อย่างตรงจุดกัน
ผิวมีกี่ประเภท อะไรบ้าง
ผิวของพวกเราแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท นั่นก็คือ ผิวธรรมดา ผิวแห้ง ผิวมัน และผิวผสม
- ผิวธรรมดา (Normal Skin)
เป็นผิวที่ถือว่าใครได้ไปก็คือเป็นบุญ อ่ะ ไม่ใช่ ก็คือ ผิวสุขภาพดีเลยค่ะ จะบำรุงอะไรก็ง่าย ไม่ต้องมาคอยกังวล แล้วแบบไหนที่เราจะรู้ได้กันนะ ว่าผิวเราสุขภาพดี ผิวเราคือผิวปกติ นั่นก็คือ ตัวผิวจะมีความสมดุลสุดๆ ไม่มันและไม่แห้งจนเกินไป รวมทั้ง มีการไหลเวียนของเลือดที่ดี ทำให้ ผิวเรียบเนียน รูขุมขนเล็ก ไม่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยหรือสิวมากวนใจได้ง่ายๆ เพราะผิวเราแข็งแรงสุขภาพดี
- ผิวแห้ง (Dry Skin)
คนเป็นผิวแห้งก็คือเป็นบาป อ่ะ ไม่ใช่อีกค่ะ ล้อเล่นนะคะ จริงๆแล้วหากเรารู้ว่าสภาพผิวเราเป็นแบบไหน เราแค่เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวเราก็พอค่ะ เพื่อให้บำรุงได้เต็มประสิทธิภาพ ทีนี้ผิวแห้งของสาวๆ อาการมันเป็นยังไงกัน นั่นก็คือ จะเป็นผิวที่รูขุมขนเล็ก ละเอียด และบอบบาง หนักหน่อยก็ ผิวลอกเป็นขุย รวมทั้งคันยุบยิบก็มีค่ะ ซึ่งทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่าย เพราะผิวขาดกรดไขมันที่จำเป็นในการรักษาความชุ่มชื้นไปนั่นเองค่ะ ทำให้เรารู้สึกผิวหยาบกร้าน และดูหมองคล้ำง่าย
- ผิวมัน (Oily Skin)
สภาพผิวนี้ก็คือพบเห็นได้บ่อยมากที่สุดในประเทศไทยไปเลยค่ะ ด้วยสภาพอากาศบ้านเราอะเนาะ ซึ่งผิวลักษณะนี้จะเกิดจากการที่ชั้นผิวผลิตน้ำมันที่มากเกินไป ทำให้ผิวค่อนข้างหยาบ รูขุมขนกว้าง และเป็นสาเหตุของสิวได้อีก เพราะหน้ามัน ฝุ่น ผง สิ่งสกปรกต่างๆ ก็ลอยมาติดที่ใบหน้าเราได้ง่าย ดังนั้นต้องดูแลดีๆค่ะ
- ผิวผสม (Combination Skin)
สภาพผิวนี้ก็คือ มีหลายคนที่เป็นแล้วไม่รู้ตัวก็มีค่ะ แอดมินคือหนึ่งในนั้น เข้าใจมาตลอดว่าผิวมัน เอ้าทำไมเราหน้าลอกเฉพาะจุด คันยุบยิบ โอ้ยแล้วชั้นจะเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวยังไง ยากไปอีก วันนี้เราจะมาเรียนรู้กันค่ะ ว่าผิวผสมเป็นยังไง ผิวผสมก็คือผิวที่สภาพอยู่ระหว่างผิวแห้งกับผิวมัน มีการผลิตน้ำมันมากบริเวณ T-Zone (หน้าผากคางและจมูก) ส่วนบริเวณอื่นๆ ก็อาจจะเกิดอาการผิวแห้งเป็นบางจุด เช่น โหนกแก้มและข้างแก้มค่ะเกริ่นมาซะเยิ่นยาวขนาดนี้ แต่วันนี้เราก็จะเลือกพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่เหมาะเฉพาะสำหรับสาวๆผิวแห้งเท่านั้นค่ะ!!! ผิวอื่นๆ รอไปก่อนน้า ไว้บทความหน้านะคะ
เพราะสาวๆผิวแห้งเช่นเรา การบำรุงที่ต้องการก็คือ ถนอมความชุ่มชื่นบนใบหน้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมทั้งเพิ่มความชุ่มชื่น ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวขั้นแรก นั่นก็คือ โทนเนอร์ นั่นเองค่ะ
#5 โทนเนอร์ตัวเด็ดตลอดกาล สำหรับคนผิวแห้งโดยเฉพาะ
NO.5 – โทนเนอร์ผิวแห้ง – Neutrogena Alcohol Free Toner
โทนเนอร์ตัวนี้เขาว่ากันว่าอ่อนโยนมากๆ ช่วยเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าและปรับสภาพผิวให้พร้อมรับ การบำรุงในขั้นตอนถัดไป ซึ่งเป็นสูตรพิเศษปราศจากแอลกอฮอล์ อ่อนโยนต่อผิว ทำให้สาวๆผิวแห้งไม่ต้องกังวลว่าโทนเนอร์ตัวนี้จะมาดึงความชุ่มชื้นที่เรามีได้แน่นอน
ปริมาณ |
150 ml. |
ราคา |
185 THB |
ชอบผลิตภัณฑ์นี้มากค่ะ เริ่มใช้เพราะพี่ที่ทำงานแนะนำค่ะ แล้วพี่เค้าเป็นผู้ชายแท้ด้วย ก็เลยรู้สึกอยากลอง พื้นฐานเป็นคนผิวแพ้ง่าย มีสิวค่ะ พอใช้ตัวนี้หลังล้างหน้าแล้วรู้สึกหน้าสะอาดขึ้น
กลิ่นธรรมชาติ ไม่มีแอลกอฮอล์ ราคาไม่แพง เทจากขวดก็ลักษณะเหมือนน้ำเลยค่ะเวลาต้องไปต่างจังหวัด หรือต่างประเทศก็จะพกโทนเนอร์ตัวนี้ติดไปตลอด เพราะไม่รู้ว่าเราจะแพ้น้ำประปา หรือน้ำบาดาลที่นั่นไหม แนะนำเลยค่า
รีวิวจาก : Cosmenet – K. Pangrakkuma อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่
โทนเนอร์ตัวนี้ถือว่าเป็นโทนเนอร์กันตายเลยทีเดียว เพราะนอกจากราคาจะถูกมากกกกแล้ว ยังไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวแต่อย่างใด เช็ดทำความสะอาดได้ดี ที่ชอบใช้ตัวนี้เพราะเค้าไม่มีแอลกอฮอร์นั่นเอง^^ ..ส่วนใครที่แพ้น้ำหอมต้องระวังนิดนึงเพราะเค้ามีกลิ่นหอมๆน่าจะใส่น้ำหอมรึเปล่าไม่แน่ใจ(^_^! )
รีวิวจาก : Cosmenet – K. Juneny อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่
NO.4 – โทนเนอร์ผิวแห้ง – Light Toning Water สูตร High Moisture
โทนเนอร์มูจิสูตรนี้ คือ สูตร High Moisture ที่เหมาะกับสภาพผิวแห้ง โดยโทนเนอร์นี้จะช่วยฟื้นฟูผิวคล้ำแดดให้กลับมาสดใส พร้อมทั้งให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้นมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งโทนเนอร์มูจิตสูตรนี้ล่ำลือกันมานักต่อนักในหมู่ บิวตี้บล็อกเกอร์ก็ว่าได้เลยค่ะ แบรนด์มินิมอล ราคาก็ยังมินิมอล แถวตัวผลิตภัณฑ์บอกว่าเป็นโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมจากน้ำแร่จากจังหวัด อิวาเตะ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งน้ำแร่ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุกันเลยทีเดียว
ปริมาณ |
200 ml. |
ราคา |
190 THB |
ปราศจาก แอลกอฮอล์ ใช้แล้วหน้าชุ่มชื่นดีค่ะ หน้าไม่แห้ง สามารถใช้มาส์กหน้าได้ด้วย
รีวิวจาก : Vanilla – K. Renu อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่
บอกได้คำเดียวว่าปลื้มมากกก ใช้แล้วผิวชุ่มชื่นสุด ๆ , ไม่แพ้ ,ไม่มีกลิ่นฉุน , เนื้อโทนเนอร์ไม่ลื่นหรือหนืดเกินไป , ใช้ได้นาน แต่แพงไปหน่อย เพราะเราซื้อจากร้าน Muji โดยตรง แต่ให้อภัยได้เพราะของเค้าดีจริงค่ะ แถม Muji ยังชอบร่วมรายการใช้แต้ม The 1 Card แลกคูปองส่วนลดได้ 20% (ขวดนี้เราก็ใช้คูปองส่วนลดตอนซื้อมา)
เราชอบตัวนี้มากกว่าฮาดะลาโปะอีกค่ะ เพราะในความรู้สึกของเรา เนื้อโทนเนอร์ของฮาดะลาโบะ จะข้น หนืด ลื่น ไปหน่อย แถมเราใช้แล้วรู้สึกแสบนิด ๆ ด้วย (แต่ไม่แพ้อะไรนะคะ)
ใครกำลังมองหาโทนเนอร์มาช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่ เราเชียร์ตัวนี้สุดใจเลยค่ะ แต่อย่าหวังเรื่องความขาวใสนะคะ
รีวิวจาก : Vanilla – K. TjNj อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่
NO.3 – โทนเนอร์ผิวแห้ง – Eucerin UltraSENSITIVE [Hyaluron] Toner
โทนเนอร์จากแบรนด์ยูเซอริน นี้เป็นโทนเนอร์สูตรน้ำ ที่ไม่มีส่วนผสมจากแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งเพิ่มไฮยารูรอนเข้ามา เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว และ บำรุงไปในตัว เพื่อเตรียมปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไป ทำให้ผิวดูแข็งแรง ไม่เกิดการคันระคายเคืองจากอาการผิวแห้ง พร้อมทั้งทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ ไม่ไวต่อการแพ้แน่นอน
ปริมาณ |
200 ml. |
ราคา |
630 THB |
พอมาเจออันนี้ แต่งหน้าจัดอย่างเรา สำลี 2 แผ่นสะอาดกริบ แถมไม่ต้องออกแรงทำร้ายผิวมาก… นี่เป็นข้อดีใหญ่หลวงเลยนะ
รีวิวจาก : Vanilla – K. MaiP อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่
เป็นลูกรักของเราเลย ถอยใหม่มาเป็นขวดที่ 2 แล้ว คือแบบพอใช้ขวดแรกหมดส่องกระจกเห็นหน้าตัวเองละมันดีขึ้นมากทนไม่ไหวไปตำอีก แนะนำเลยคนหน้าแพ้ ต้องชอบ
รีวิวจาก : Vanilla – K. nattarikazy อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่
NO.2 – โทนเนอร์ผิวแห้ง – LANCÔME : TONIQUE CONFORT
โทนเนอร์แบรนด์ฝรั่งเศสขวดสีชมพูขวดนี้ เป็นโทนเนอร์สำหรับคนผิวแห้งหรือผิวบอบบางระคายเคืองง่าย ซึ่งช่วยปรับสภาพผิวให้ผิวสะอาด สดชื่น กระชับรูขุมขน และเนียนนุ่ม พร้อมมอบความชุ่มชื้น ด้วยส่วนผสมของน้ำผึ้ง สารสกัดจากแอลมอนด์ และสารสกัดจากดอกยี่หร่า
ปริมาณ |
400 ml. |
ราคา |
1,950 THB |
ครั้งแรกที่ใช้คือได้ไปลองที่เคาเตอร์กับเพื่อนที่มีผิวแห้งค่ะ แค่ลองนิดเดียวรู้สึกว่าผิวนุ่มมากกกก จนแทบจะกรี๊ตตรงเคาเตอร์นั้นเลย โชคดี BA ที่สาขานี้ใจดีเลยไม่ได้โดนกันตอบ หุๆๆตอนหลังกลับกลายเป็นว่าเราซึ่งมีผิวมันกลับไปซื้อเอง ^0^ จริงๆแล้ว toner ตัวนี้เหมาะกับคนผิวแห้งค่ะแต่เราใช้หลังจากเช็ดด้วย toner ของอีกยี่ห้อนึง(ที่ซื้อมาแล้วเฉยๆ จะไม่ใช้ก็เสียดาย) โดยใช้ทำเป้น tissue mask คือเหยาะ toner อันนี้ลงไปชุ่มๆแผ่นสำลีแล้วฉีกสำลีนั้นออกเป็นชั้นๆแล้วแปะที่แก้ม 2 ข้าง จมูก และหน้าผากหรือถ้าวันไหนรีบจริงๆก็ใช้ toner ตัวนี้มาตบๆที่หน้าค่ะใช้แล้วชอบมาก ชุ่มชื่นมากๆ รู้สึกว่าผิวเต้งขึ้นด้วยค่ะ ใช้แล้วหน้าไม่มันเลย จะมีแบ่งใว้ขวดเล็กติดตัวใช้ข้างนอกหลังจากตอนออกแดดจัดๆแล้วรู้สึกหน้าเย็นขึ้นค่ะแนะนำให้ลองใช้ค่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ผิวแห้งก็แนะนำค่ะ คาดว่าหมดขวดใหญ่สุดนี้ จะไปซื้อขวดใหม่ค่ะ (เมืองนอกขวดใหญ่สุดเค้าขนาดใหญ่กว่าขวดใหญ่สุดของไปทยอีก >_< )รีวิวจาก : Vanilla – K. Fridayde16 อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่
เป็นโทนเนอร์ที่มีน่ำลักษณะหนืดๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับใบหน้า หลังจากเช็ดหน้า รู้สึกหน้าชุ่มชื้นมาก แต่แอบหนักหน้าไปนิดหนึ่ง ให้คะแนน8/10 สำหรับโทนเนอร์นี้รีวิวจาก : Konvy – K. Ka***uaอ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่
NO.1 – โทนเนอร์ผิวแห้ง – Dear Klairs Supple Preparation Facial Toner
โทนเนอร์แดนกิมจิที่เข้าใจคนเอเชียผิวแห้งเป็นอย่างดี ได้แก่ตัวนี้เลยจ้าเพราะคุณเขาคว้าขายดีอันดับ 1 ในแบรนด์สกินแคร์คุณภาพจากประเทศเกาหลีไปครองนั่นเอง และตัวนี้เป็นสูตรอ่อนโยนที่จะช่วยสร้างความสมดุลของค่า pH ให้กับผิวหน้า
พร้อมทั้งมอบความชุ่มชื้นมากกว่าโทนเนอร์ปกติทั่วไป และปลอบประโลมผิวที่อ่อนโยนแพ้ง่าย ให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้งทั้งยังปราศจากสารเคมีอันตราย ไม่ผสมสี ไม่มีพาราเบน ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่แต่งกลิ่น เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้งขาดน้ำ ผิวแพ้ง่าย ที่ไวต่อสารเคมี
ปริมาณ |
180 ml. |
ราคา |
620 THB |
กลิ่นหอมอ่อนๆ เทใส่สำลีเช็ดหน้าก่อนแต่งหน้าทุกครั้ง รู้สึกหน้าเนียน เต็ม ผิวเด้งพร้อมลงเครื่องสำอางค์ตัวอื่นต่อมากๆ ส่วนตัวใช้ประมาณอาทิตย์กว่าๆก็เห็นผลแล้วว่าหน้าดีขึ้น
รีวิวจาก : Beauticool – K. PKstars อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่
เรารู็สึกเลยว่าหน้ามันดูนุ่มๆ ดูอิ่มน้ำ แล้วก็ฉ่ำมากเลยค่ะ เค้าทำให้เราเราแต่งหน้าติดดีขึ้นด้วย
ที่สำคัญไม่แพ้นะจ้ะ อ่อนโยนมากกกกกก สามารถใช้เป็นมาส์กบำรุงหน้าได้ด้วยน้า
แต่หยดใส่สำลี แล้วเอามาแปะๆบนใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วค่อยเอาออกค่ะ
รีวิวจาก : Cosmenet – K. Nattapohn อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่
บทสรุปโทนเนอร์สำหรับผิวแห้ง
เป็นยังไงกันบ้างคะกับโทนเนอร์สำหรับคนผิวแห้ง ทั้ง 5 ตัว บางคนอาจจะมองว่าโทนเนอร์ไม่สำคัญ แค่ล้างหน้าแล้วก็บำรุงครีมได้เลยนี่นา แต่แอดมินอยากให้ได้ลองซักครั้งค่ะ ลองเช็ดซักที จะเจอสำลีที่หมองๆ นั่นก็คือ
เราล้างหน้าไม่สะอาดแน่นอนค่ะ ทำให้เป็นบ่อเกิดของปัญหาผิวต่างๆมากมายตามมา เราจะได้ไม่ต้องมาวนถามตัวเองซ้ำๆกันว่า ทำไมบำรุงแทบตาย ผิวก็ยังไม่สวยใส แข็งแรงเสียที รอบนี้มีโทนเนอร์เพิ่มมาแล้ว ผิวสวยใส แข็งแรงแน่นอนค่ะ
Write a comment