สวัสดีค่ะ
เชื่อว่าหลายคนต้องเคยได้ยินมาบ้างกับคำว่า “ท้องปั้น” และแน่นอนว่าก็ยังมีคุณแม่ตั้งท้องบางคนสงสัยว่าท้องปั้นคืออะไรกันแน่!! แล้วอันตรายต่อลูกในท้องมากไหมถ้าหากมีอาการท้องปั้น วันนี้เรามาไขข้อสงสัยดีกว่าว่าสัญญาณความผิดปกตินี้จะเป็นอาการที่อันตรายจริงหรือแค่หลอกเราว่าเป็นท้องปั้นจริงๆ ที่สำคัญยังสามารถช่วยคุณแม่ให้เครียดได้น้อยลงด้วยถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยว่าต้องปั้นคืออะไรกันแน่!!
งั้นเราไปทำความรู้จักกับอาการท้องปั้นกันว่าท้องปั้นคืออะไร ไปดูเลย!!
อาการท้องปั้นในคนตั้งท้องคืออะไรกันแน่?
อาการท้องปั้นหรือรู้จักในอาการ “ท้องแข็ง” ซึ่งมีทั้งท้องแข็งจริงและไม่จริง โดยท้องปั้นมักจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าอายุครรภ์ใกล้คลอดแล้ว และมักจะเกิดขึ้นในคนท้องอายุครรภ์ 40 สัปดาห์ โดยสิ่งเหล่านี้เกิดจากฮอร์โมนที่มีในร่างกายของคนท้องคือ Oxytocin ไปกระตุ้นทำให้เกิดการหดตัวของมดลูกทำให้เกิดการเกร็งกล้ามเนื้อและนั้นส่งผลให้ปากมดลูกสามารถขยายตัวได้เพื่อทำการคลอดนั้นเอง
แต่ถ้าหากท้องแข็งลอกหรือท้องแข็งไม่จริงนั้นสามารถพบได้ปกติทั่วไปซึ่งบางคนกังวลจนคิดไปว่านี้คือความผิดปกติและอันตรายเช่น เมื่อรู้สึกเหนื่อย หรือมีอาการขาดน้ำเมื่อกินน้ำน้อย จะทำให้มีอาการท้องปั้นได้ หรือในบางคนเมื่อมีอาการปวดท้องเข้าห้องน้ำนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน แต่ท้องแข็งไม่จริง มักจะเกิดขึ้นในอายุครรภ์ราวๆ 28-40 สัปดาห์
ดังนั้นในบางครั้งคุณแม่บางคนก็อาจจะคิดไปเองหรืออาจจะท้องปั้นจริงๆ ก็ได้
เอาล่ะเราไปเช็คอาการกันเถอะว่าอาการของคนท้องปั้นเป็นยังไง ไปดูเลย!
เช็ค!! 5 อาการ ว่าคุณแม่ท้องปั้นจริงหรือไม่?
อาการของคนท้องปั้นหรือท้องแข็งใกล้คลอดจริงจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย!!
หากคุณแม่ที่มีอาการดังกล่าวโดยอยู่ในอายุครรภ์ระหว่าง 28-40 สัปดาห์ โดยมีอาการปวดท้องและท้องแข็ง 15-20 นาทีถือว่าเป็นสัญญาณเตือนว่าใกล้คลอดแต่หากมีอาการถี่ทุก 5 นาทีพร้อมอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
สุดท้าย!! วิธีรับมือกับอาการท้องปั้น
คุณแม่ท้องแข็งหรือท้องปั้นมักจะมีอาการปวดท้องหรือในบางรายมีอาการท้องปั้นหลอกและการบรรเทาอาการนั้นง่ายมากแต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับร่างกายและอาการของแต่ละคนด้วย ดังนั้นวิธีเหล่านี้จะช่วยได้กับคนที่มีอาการท้องปั้นหลอกเพราะถ้าหากท้องปั้นจริงนั้นคือพร้อมคลอดแล้ว จะมีวิธีรับมือและบรรเทาอย่างไรบ้างไปดูกันเลย!!
วิธีบรรเทาอาการท้องปั้นหลอก
4 วิธีนี้สามารถช่วยให้คุณแม่บรรเทาอาการลงไปได้บ้างและที่สำคัญเลยช่วงนี้คุณแม่จะต้องระวังตัวเองและอย่าทำอะไรที่หักโหมมากไปจนเครียดนะคะ และที่สำคัญหากมีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์จะดีกว่าเพื่อความมั่นใจและความปลอดภัยของลูกในครรภ์นะคะ
วันนี้ต้องลากันแล้ว บ๊ายบายนะทุกคน!!
Write a comment