hello คุณแม่ตั้งท้องทุกคน!
วันนี้จะพาคุณแม่ที่กำลังตั้งท้องทุกคนเปิดวาปใหม่รู้หรือไม่! คนท้องสามารถทำงานได้ด้วยน้าา เราเชื่อว่าคุณแม่หลายคนที่กำลังตั้งครรภ์จะต้องมีคำถามในใจแน่นอนว่า ท้องแล้วควรจะหยุดทำงานดีไหมหากทำงานจะเป็นอันตรายต่อลูกในท้องหรือไม่?
คุณแม่หยุดความกังวลนี้ไปได้เลยเพราะตอนนี้คนท้องสามารถรับงานมาทำที่บ้านได้แล้วและที่สำคัญเป็นงานที่บอกได้เลยว่าเหมาะกับคนท้องมากๆ และลดการเสี่ยงที่ต้องออกไปทำงานข้างนอกเพราะคนท้องต้องคอยระมัดระวังเรื่องสิ่งต่างๆ ทั้งความเครียดและอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้นั้นเอง
แต่จะมีงานอะไรบ้างวันนี้เราจะพาคุณแม่ตั้งท้องไปดูกันก่อนไปเราไปดูกันดีกว่าว่าท้องระยะไหนถึงสามารถทำงานได้ไปดูกันเลย!
” คนท้อง” ระยะไหน? ถึงสามารถทำงานที่บ้านได้
ปกติแล้วคนที่ตั้งครรภ์ต้องระมัดระวังและคนส่วนมากชอบที่จะพักอยู่ที่บ้านเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับลูกในท้องดังนั้นคนส่วนมากจึงเลือกที่จะดูแลตัวเองและหยุดงานแต่ความจริงแล้วคนท้องสามารถทำงานได้ขึ้นอยู่กับว่าที่ทำงานนั้นๆ จะมีงานรองรับสำหรับคนท้องหรือเปล่า
แต่สิ่งที่คนท้องสามารถทำได้หากอยู่บ้านต้องเป็นงานที่เบาและไม่ก่อให้เกิดความเครียดเพราะจะส่งผลต่อลูกในท้องได้และคนท้องในระยะแรกหรือไตรมาสแรก อายุครรภ์ 1-3 เดือน สามารถทำงานเพราะเป็นช่วงที่อายุครรภ์ยังไม่มากดังนั้นสามารถทำงานได้อย่างแน่นอนแต่ใช่ว่าจะทำงานหักโหมได้ และช่วงอายุครรภ์ในระยะที่ 2 หรือไตรมาสที่ 2 อายุครรภ์ 4-7 เดือน ช่วงนี้กำลังเข้าสู่ช่วงที่ใกล้จะคลอด
ดังนั้นควรที่จะหยุดงานเพื่อดูแลสุขภาพเพื่อเตรียมตัวเข้าไตรมาสที่ 3 เพราะไตรมาสที่ 3 คือช่วงที่กำลังจะคลอดแล้วดังนั้นความเครียดและการหักโหมทำงานส่งผลต่อลูกอย่างมาก
ดังนั้นคนท้องระยะแรกเหมาะที่จะทำงานมากที่สุดแต่ขอแนะนำว่าต้องเป็นงานที่ไม่ส่งผลให้เกิดความเครียดและถ้ายิ่งเป็นงานที่ช่วยแก้เบื่อในเวลาว่างได้จะยิ่งดีมากๆ เพราะจะช่วยปรับในเรื่องของอารมณ์ของคนท้องที่มักจะขี้เบื่อและหงุดหงิดได้ง่ายอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามคนท้องต้องคำนึงถึงสุขภาพของลูกในท้องเป็นอันดับแรกเสมอ
ต่อไปเราไปดูดีกว่าว่าคนท้องสามารถทำงานอะไรได้บ้างแล้วงานแบบไหนถึงจะเหมาะกับคนท้องไปดูกันเลย!
งานอะไรบ้างน้าา? ที่คนท้องสามารถรับมาทำที่บ้านได้!!
ในปัจจุบันคนท้องส่วนมากไม่ชอบที่คนนอนอยู่บ้านเฉยๆ และอยากจะทำงานที่ทำประจำต่อเพื่อรอคลอดแต่นั้นก็เสี่ยงต่อลูกในท้องเพราะความเครียดจากการทำงานที่ไกลบ้านจะส่งผลเสียต่อลูกได้เพราะทั้งการเดินทางรถติดและความกดดันต่างๆ
และการทำงานที่แข่งกับเวลาจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อลูกในท้องเข้าไปอีกดังนั้นวันนี้เรามาดูงานที่คุณแม่ตั้งท้องสามารถรับมาทำบ้านได้กันดีกว่าจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
งานบ้าน งานบ้านงานที่ผู้หญิงส่วนใหญ่สามารถทำได้ดีและเป็นงานที่ไม่หนักมากหากแต่ว่าคนท้องนั้นจะต้องระวังในบางเรื่องเช่นยกของหนักหรือต้องก้มหรือยืนเป็นเวลานานดังนั้นวันนี้เราจึงมีงานบ้านเบาๆ ที่คุณแม่สามารถนำมาทำเป็นงานเสริมรอคลอดได้
- ซัก อบ รีด
- เย็บผ้า
- ขายอาหารหรือกับข้าวแบบ delivery
งานขายของออนไลน์ งานขายของออนไลน์ถือเป็นงานอีกงานที่ทั้งคนท้องและไม่ท้องสามารถทำเป็นงานเสริมได้เพราะเป็นงานไม่หนักมากและที่สำคัญไม่ต้องใช้เวลาจดจ่อกับงานและสามารถเลือกเวลาได้ว่าจะทำช่วงไหนเพื่อกำหนดเวลาพักผ่อนของตัวเอง
เพราะคนท้องไม่ควรที่จะนอนดึกดังนั้นงานขายออนไลน์เหมาะมากกับคนท้องเพราะช่วยลดโอกาสเสี่ยงต้องออกไปทำงานนอกบ้าน (ขอแนะนำว่าอย่าทำอะไรที่มันใหญ่โตหรือต้องลงทุนเยอะเพราะคุณแม่อาจเครียดได้น้าา!!)
- ขายเสื้อผ้า
- ขายเครื่องสำอางหรือครีม
- ขายขนมขบเคี้ยว
- อื่นๆ ที่เป็นการขายแบบออนไลน์ (สามารถทำได้เรื่อยๆ ไม่ต้องกดดัน)
งานขายขนมเครื่องดื่มหรือเบเกอรี่ ขายขนมและเครื่องดื่มคุณแม่สามารถทำได้และเรามั่นใจเลยว่าคุณแม่หลายคนต้องชอบอย่างแน่นอนเพราะถือเป็นงานและกิจกรรมแก้เบื่อได้ดีมากๆ และถ้าคุณแม่เปิดร้านแนะนำให้เป็นร้านแบบ delivery หรือมีหน้าร้านอยู่ที่บ้านจะดีมากๆ อีกทั้งหากเป็นขนมและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพแล้วคุณแม่เองก็สามารถทานได้อีกด้วยน้าา!!
และนี้คือ 3 งานที่เราเอามาแนะนำคุณแม่ทุกคนชอบแบบไหนสามารถเลือกทำได้เลยแต่ขอแนะนำว่าอย่าทำจนเครียดนะคะและถ้าหาดเข้าสู่ช่วงใกล้คลอดแล้วควรหยุดทำงานและกลับมาโฟกัสที่ลูกในครรภ์ในสิ่งสำคัญที่สุดเลยน้าา!
ต่อไป! เราไปดู 5 อาการสุ่มเสี่ยงที่บอกว่าคุณแม่ไม่ควรทำงานกันดีกว่า ไปดูเลย!
#5 อาการสุ่มเสี่ยง!! ที่คุณแม่ไม่ควรทำงาน
-
เคยมีประวัติคลอดก่อนกำหนดมากกว่า 1 ครั้งเป็นต้นไป ควรหยุดทำงานและพักผ่อนร่างกายเพราะว่าร่างกายของคุณแม่อาจจะไม่ค่อยแข็งแรงดังนั้นควรพักผ่อนให้มากและดูแลตัวเองตลอดการทำงานแม้แต่นิดเดียวอาจส่งผลต่อสุขภาพได้
-
มีประวัติเคยแท้งลูกมาก่อน คุณแม่ที่เคยแท้งลูกมาก่อนมักจะมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะแท้งลูกอีกครั้งอาจจะด้วยปัจจัยจากสุขภาพร่างกายของคุณแม่ไม่แข็งแรงพอหรือมีอายุเยอะแล้ว ดังนั้นหากเคยมีประวัติแท้งลูกมากก่อนควรพักเรื่องการทำงาน
-
เป็นความดันโลหิตสูงไม่ควรทำงานเพราะในตอนท้องคนท้องจะมีอาการอ่อนเพลียได้ง่ายจึงควรทำงานเบาๆ แต่ถ้าหากมีภาวะความดันโลหิตแทรกซ้อนเข้ามาแล้วอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุในขณะทำงานได้
-
ตั้งท้องลูกแฝด (สิ่งนี้คุณแม่ต้องระวังอย่างมากเพราะท้องลูกแฝดเป็นอะไรที่บอกบางมากๆ นอกจากคุณแม่จะมีท้องที่โตมากขึ้นแล้วยังต้องรับกับน้ำหนักของท้องอีกด้วยดังนั้นไม่ควรทำงานอย่างยิ่ง)
-
มีโรคแทรกซ้อน เบาหวาน หรือ โรคหัวใจ เสี่ยงมากๆ ต่อคุณแม่ที่ทำงานเพราะในต้องท้องร่างกายของคุณแม่จะมีความบอบบางและอารมณ์ในช่วงนั้นค่อนข้างจะแปรปรวนดังนั้นการหยุดทำงานเพื่อพักร่างกายจะเป็นส่งที่ดีที่สุดต่อคุณแม่และลูกในครรภ์
และนี้คือ 5 อาการสุ่มเสี่ยงหากคุณแม่เป็นอยู่ไม่ควรทำงานเพราะจะส่งผลอันตรายต่อลูกในท้องได้นะคะ
บทสรุป! คนท้องเหมาะจะทำงานจริงหรือไม่?
แน่นอนว่าคุณแม่บางคนมีความจำเป็นที่จะต้องทำงานด้วยภาระและรู้สึกว่าการนอนอยู่บ้านเฉยๆ เป็นสิ่งที่น่าเบื่อหากสามารถหารายได้จากความว่างนี้ได้คงจะเป็นผลดีมากกว่าการปล่อยเวลาผ่านพ้นไปเฉยๆ แต่แน่นอนว่าคนท้องนั้นสามารถทำงานได้และโดยปกติแล้วสถานที่ทำงานบางที่มีงานรองรับสำหรับคนท้องและมีเงินชดเชยให้กับบุคลากรที่ตั้งท้องอีกด้วย
แต่บางคนเลือกที่จะทำงานอยู่บ้านเพราะภาวะความเครียดจากการทำงานจะน้อยดังนั้นคุณแม่ควรพิจารณาก่อนว่าตัวเองเหมาะกับงานแบบไหนและสามารถหลีกเลี่ยงความเครียดและความกดดันได้หรือไม่ แต่ถ้าหากว่าคุณแม่มีอาการเสี่ยงที่ไม่สามารถทำงานได้ไม่ควรฝืนร่างกาย เพราะสิ่งสำคัญที่สุดของคนตั้งท้องคือลูกในครรภ์นั้นเอง
ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ที่ต้องทำงานทุกคนนะคะ อยากให้นึกถึงลูกในท้องให้มากๆ และผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ในที่สุด
วันขอลาเพียงเท่านี้ บ๊ายบาย 🖐🖐
Write a comment