“วิตามินดี” หลายคนอาจจะพอคุ้นเคยกับวิตามินชนิดนี้ว่ามีความสำคัญในการช่วยเสริมสร้างความเเข็งเเรงของกระดูกเเละการเจริญเติบโตของร่างกาย เป็นวิตามินที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้
จากการที่ถูกเเสงเเดดเป็นตัวกระตุ้น เเล้วคุณรู้หรือไม่ว่าวิตามินดีนั้นสามารถจำเเนกออกได้หลายชนิด เเต่มีสองชนิดที่สำคัญคือวิตามินดี 2 เเละวิตามินดี 3 ซึ่งในวันนี้ผู้เขียนจะพาผู้อ่านไปทำความรู้จักกับวิตามินดี 3 กันค่ะ
วิตามินดี 3 คืออะไร ?
วิตามินดี 3 เป็นวิตามินที่ร่างกายจะสังเคราะห์ขึ้นได้บริเวณผิวหนัง เมื่อถูกกระตุ้นด้วยเเสงเเดด (รังสียูวี) เเละได้รับจากการทานอาหารประเภทไข่เเดง นม เนย ปลา เเละน้ำมันตับปลา เป็นวิตามินชนิดที่สามารถละลายได้ในไขมันเท่านั้น
ดังนั้นจึงพบได้ในอาหารที่มีไขมันสูง มีหน้าที่สำคัญในการช่วยในการดูดซึมเเคลเซียมเเละฟอสฟอรัส ทำให้กระดูกเเละฟันเเข็งเเรง อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย
ประโยชน์ของวิตามินดี 3
1.ช่วยในกระบวนการดูดซึมเเคลเซียมเเละฟอสฟอรัสของร่างกาย ช่วยให้กระดูกเเละฟันเเข็งเเรง
2.ช่วยกระตุ้นกระบวนการเเบ่งเซลล์ในร่างกายให้เป็นไปอย่างปกติ จึงช่วยลดโอกาสในการเกิดความผิดปกติกับอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
3.ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดให้ทำงานได้ดี
4.ช่วยรักษาระดับความดันเลือดให้ปกติ จึงช่วยลดโอกาสเกิดโรคความดันโลหิตสูง
5.ช่วยในกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนจึงช่วยให้ผิวพรรณเเข็งเเรง
6.ช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนเซโรโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนเเห่งความสุข จึงช่วยลดภาวะเครียดเเละซึมเศร้าได้
หากขาดวิตามินดี 3 จะมีอาการอย่างไร ?
ผลกระทบเเละอาการของผู้ที่ขาดวิตามินดีจะมีหลากหลายอาการที่เกี่ยวเนื่องกันกับความเเข็งเเรงของกระดูก เพราะเมื่อร่างกายไม่สามารถดูดซึมเเคลเซียมได้เพียงพอก็จะทำให้มีอาการฟันผุ เกิดภาวะกระดูกบางในเด็กวัยเจริญเติบโต ทำให้กระดูกผิดรูปหรือโตผิดปกติ ในวัยผู้ใหญ่เเละผู้สูงอายุจะทำให้เกิดภาวะ
กระดูกพรุนกระดูกหัก อาจมีอารมณ์เเปรปรวนเนื่องจากร่างกายขาดเซโรโทนีน เกิดอาการหงุดหงิดง่ายเเละซึมเศร้า หากขาดวิตามินดี 3 นานเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะชัก กล้ามเนื้อกระตุกเเละเหน็บชาจากอาการเเคลเซียมในเลือดต่ำ
เเนะนำอาหารเสริมวิตามินดี 3
บทส่งท้าย
จะเห็นได้ว่าอาการขาดวิตามินดี 3 นั้นน่ากลัวมากเลยใช่ไหมคะ ซึ่งคุณสามารถที่จะป้องกันได้ด้วยการรับเเสงเเดดอ่อน ๆ ในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นวันละ 15-30 นาทีทุกวัน เลือกทานอาหารที่เป็นเเหล่งของวิตามินชนิดนี้ เเละอีกทางเลือกก็คือการทานอาหารเสริมที่มีวิตามินดี 3 ไม่เกิน 1,000 IU
เนื่องจากว่าหากร่างกายได้รับวิตามินดี 3 มากจนเกินไปก็จะทำให้เกิดโทษเเก่ร่างกายของเราเช่นกันดังนั้นควรที่จะปรึกษาเเพทย์เพื่อประเมินภาวะขาดวิตามินดี เพื่อให้เเพทย์เป็นผู้ประเมินว่าเราควรได้รับวิตามินดีในปริมาณเท่าใดจะเป็นการดีที่สุดนะคะ