สวัสดีค่าาาา!!
วันนี้แอดนำสาระดีๆเกี่ยวกับ “ โรคซึมเศร้า “ โรคเงียบที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวแอดขอบอกเลยนะสำหรับใครที่สงสัยและกำลังสังเกตเห็นเห็นความผิดปกติของคนรอบข้างที่เศร้ามากๆเศร้านานๆ เขาป่วยเป็นโรคซึมเศร้าหรือแค่เศร้าเพราะเสียใจกันแน่
แน่นอนเราจะรู้ได้เราต้องเช็กอาการของคนที่ป่วยเพื่อนำไปสู่การรักษาโรคนี้ให้หายไป เอ๊?? แต่จะเช็กยังไง อาการผู้ป่วยโรคนี้สังเกตจากอะไร ถ้าหากว่าป่วยจริงจะรักษาอย่างไรและรักษาให้หายขาดได้ไหม วันนี้แอดมีคำตอบที่จะไขข้อสงสัยดังกล่าวแล้วววว
ก่อนไปเช่นเคยแอดอยากให้ทุกคนเข้าใจกับโรคซึมเศร้าก่อนเพื่อความเข้าใจจะทำให้เราสามารถรับมือและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ถ้าพร้อมแล้วไปเลยยยยยย!!
ไขข้อสงสัยโรคซึมเศร้าคืออะไรกันแน่?
” โรคซึมเศร้าคืออะไร ? ” จริงๆ แล้วโรคซึมเศร้าเกิดจากความผิดปกติของสารสื่อประสาทใสมองโดยส่วนนี้จะมีผลกระทบต่อความคิด อารมณ์ ความรู้สึก พฤติกรรม แต่คนส่วนใหญ่มักคิดว่าโรคซึมเศร้าเป็นเพียงอาการและพฤติกรรมของคนเศร้าเสียใจเท่านั้นเองแต่จริงๆ แล้วโรคซึมเศร้าเกิดจากความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทในสมองนั้นจึงจำเป็นที่ต้องได้รับการรักษาจากจิตแพทย์อย่างถูกวิธี โดยอาการสังเกตในการพิจารณาว่าป่วยเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่ มีดังนี้
9 อาการป่วยโรคซึมเศร้า
- รู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต
- ซึมเศร้าและท้อแท้ไม่อยากทำกิจกรรมอื่นๆ
- หลับตื่นๆ หรือนอนมาก และนอนน้อยผิดปกติ
- เป็นคนเชื่องช้าหรือเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวในบางครั้ง
- เป็นคนเหนื่อยง่ายไม่มีเรี่ยวแรง
- รู้สึกเบื่อหาร หรือเจริญอาหารมากผิดปกติ สังเกตจากน้ำหนักที่ลดลงหรือเพิ่มขึ้น
- รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าและมักโทษตัวเองอยู่เสมอ
- ไม่มีสมาธิในการทำสิ่งต่างๆ สติล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
- คิดจะฆ่าตัวตายและทำร้ายตัวเอง
** อาการเหล่านี้สังเกตในระยะเวลา 2 สัปดาห์ หากพบอาการดังกล่าวถึง 5 อาการควรรีบพบแพทย์ **
#3 ประเภทโรคซึมเศร้าที่ควรรู้ไว้
ประเภทของโรคซึมเศร้ามี 3ประเภท แต่ละประเภทจะทำให้ผู้ป่วยซึมเศร้าแต่ละคนมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไปดังนี้
1. Major Depression
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจะมีความผิดปกติทางอารมณ์นานกว่า 2 สัปดาห์ จะมีอาการเศร้ามากและไม่สนใจยิ่งอื่นหรืออยากทำกิจกรรมต่างๆ ผู้ป่วยประเภทนี้เหมาะที่จะรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยการรักษาแบบจิตบำบัดเพื่อป้องกันการป่วยในระดับรุนแรงที่เสี่ยงต่อการเกิดการคิดฆ่าตัวตาย
2. Dysthymia Depression
โรคซึมเศร้าประเภท ผู้ป่วยจะมีอาการต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ปี อาการไม่รุนแรงมากแต่จะรู้สึกไม่อยากอาหารและนอนไม่หลับ บางครั้งอ่อนเพลีย หมดแรงไปจนถึง ไม่มีสมาธิ ขาดความมั่นใจในตัวเอง
3. Bipolar Disorder
ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าประเภท Dysthymia Depression จะมีอาการเซ็ง และซึมเศร้าในบางครั้งก็อยู่สุขไม่ได้โดยเป็นอารมณ์ที่ต่างกันหรือต่างขั้วกันนั้นเอง โดยผู้ป่วยเหล่านี้มักจะมีอารมณ์แปรปรวนและจะมีผลต่อตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ และบางครั้งการผิดพลาดในการตัดสินใจส่งผลทำให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าประเภทนี้คิดอยากฆ่าตัวตายได้
เป็นยังไงบ้างเพื่อนๆ พอจะเข้าใจเกี่ยวกับโรคซึมเศร้ามาบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ เมื่อเราเข้าใจโรคนี้แล้วเราไปดูการรักษาโรคนี้อย่างถูกวิธีกันเพื่อที่จะมาสามารถรักหายขาดจากโรคซึมเศร้านั้นเอง ไปเลยยยย
วิธีการรักษาโรคซึมเศร้าที่ทำให้คนซึมเศร้า(ไม่)เศร้าอีกต่อไป
การรักษาโรคซึมเศร้าหลักๆ มีอยู่ 2 วิธีคือการรักษาด้วยยาและการรักษาด้วยจิตบำบัด การรักษาด้วยยามักใช้กับผู้ที่มีอาการระดับกลางไปถึงรุนแรงส่วนการรักษาด้วยจิตบำบัดใช้กับผู้ป่วยที่มีอาหารขั้นแรงคือไม่รุนแรงแต่ 2 วิธีนี้สามารถใช้เป็นการรักษาควบคู่กันได้
การรักษาด้วยยา
ยาที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้าแบ่งตามกลไกการออกฤทธิ์ได้ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
1. selective serotonin reuptake inhibitor (SSRI)
ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคซึมเศร้าที่มีความวิตกกังวลกล ยากลุ่มนี้จะช่วยยับยั้งการดูดซึมกลับของสารสื่อประสาท ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ได้แก่
- Fluoxetine
- sertraline
- paroxetine
- citalopram
- fluvoxamine
** ผู้ป่วยจะรับประทานเพียงวันละครั้ง **
2. tricyclic antidepressants (TCA)
เป็นยาที่ใช้กันทั่วไป หาซื้อได้ง่ายถ้าหากแพทย์สั่ง ยากลุ่มนี้จะช่วยยับยั้งการดูดซึมกลับของสารสื่อประสาทในสมองที่เป็นตัวสำคัญทำให้เกิดความผิดปกติของอารมณ์และความรู้สึก ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ได้แก่
- amitriptyline
- Clomipramine
- imipramine
- nortriptyline
** การใช้ขนาดของยากลุ่มนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของโรคซึมเศร้าและมีผลข้างเคียงดังนั้นแพทย์จึงจำเป็นต้องพิจารณาก่อนจ่ายยาให้ผู้ป่วย *
3. ยากลุ่มใหม่
เป็นยากลุ่มที่ไม่ส่งผลข้างเคียงที่ทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลงเหมือนกลุ่มยาอื่นๆและเป็นกลุ่มยาที่ใช้ในการเลิกบุหรี่ได้ซึมในไทยมีการจดทะเบียนไว้แล้ว แต่ยากลุ่มนี้สามารถเป็นยาแก้ซึมเศร้าได้ด้วย ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ได้แก่
norepinephrine reuptake inhibitors (SNRIs)
- venlafaxine
norepinephrine-dopamine reuptake inhibitor (NDRI)
- bupropion
noradrenergic and specific serotonergic antidepressant (NaSSA)
- mirtazapine
- mianserin (tetracyclic antidepressant)
การรักษาด้วยจิตบำบัด
การรักษาจิตบำบัดหรือการรักษาทางจิตใจ มีวิธีรักษาทางจิตใจหลักๆ มี 3 วิธีการรักษา โดยการรักษาคือการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคซึมเศร้าด้วยการให้คำแนะนำและรับฟังปัญหาซึ่งอาจเป็นการพูดคุยและปรึกษากับจิตแพทย์ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจตัวเองและสามารถรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้ตัวเองซึมเศร้า แนะสร้างการยอมรับปัญหาและก้าวผ่านช่วงเวลาแย่ๆ ไปได้
การรักษาโรคซึมเศร้าด้วยจิตบำบัดมี 3 วิธีดังนี้
1. การรักษาแบบปรับความคิดและพฤติกรรม
เป็นการรักษาที่เน้นการให้คำแนะนำและพูดคุยเพื่อปรับความคิดในแง่ลบให้เป็นคนคิดบวกมากขึ้น แพทย์จะแนะนำผู้ป่วยให้เข้าใจปัญหาและช่วยหาทางแก้ปัญหาของผู้ป่วยไปทีละขั้นตอนวิธีนี้จะทำการรักษาควบคู่กับการใช้ยาในบางครั้งแล้วแต่แพทย์เห็นเหมาะสมและนี้จึงสามารถทำให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ากลับมาใช้ชีวิตได้ปกติและสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้
2. การรักษาแบบปรับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
การรักษาวิธีนี้ทำให้ผู้ป่วยมีการปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวและการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม จะเน้นการรักษาทำให้ผู้ป่วยรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่นและคนในครอบครัวเพื่อที่จะสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติร่วมกันคนรอบข้างได้
3. การรักษาจิตบำบัดเชิงลึก
เป็นการรักษาที่ทำให้ผู้ป่วยเข้าใจปัญหาของตัวเองอย่างลึกซึ้ง เพื่อที่จะยอมรักปัญหาและแก้ไขปัญหาได้ การเข้าใจปัญหาจะนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
และนี้คือ 2 วิธีการรักษาโรคซึมเศร้าที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ การที่จะรักษาให้หายได้เร็วขึ้นอยู่กับว่าเราค้นพบว่าตัวเองป่วยตอนไหนและระดับอาการอยู่ระดับไหนด้วย หากปล่อยไว้นานจนอาการรุนแรงแล้วมารักษาก็อาจจะใช้เวลาในการรักษานานไปด้วยนั้นเองง
สรุป!!! โรคซึมเศร้ารักษาหายขาดได้ไหม
โรคซึมเศร้ารักษาให้หายขาดได้นะคะทุกคน การรักษาให้หายขาดประกอบไปด้วย ความตั้งใจ/เข้าใจ/ซื่อสัตย์และความอดทนของผู้ป่วยและคนรอบข้างด้วย การรักษาที่ถูกวิธีจะนำเราไปสู่การมีชีวิตที่มีความสุขอีกครั้ง การปล่อยตัวเองเศร้านานๆ จนมีอาการป่วยที่รุนแรงมากขึ้นจะทำให้การรักษาหายยากขึ้นตามระดับของอาการ แต่หากเราพบว่าตัวเองป่วยและรักษาได้ทันท่วงทีเราก็จะหายได้เร็ว ถ้าหากอาการอยู่ในระดับรุนแรงแล้วเราอาจจะต้องกินยาเป็นเวลานานและยารักษาโรคซึมเศร้าเป็นยาที่มีผลข้างเคียงกินไปนานๆ อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่นๆในอนาคต
ดังนี้แอดขอแนะนำเลยนะคะรีบเช็กอาการของตัวเองหรือสงสัยคนใกล้ตัวว่าป่วยเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่าก็สามารถให้พวกเขาเช็กได้ แอดขอแปะลิงค์เช็กอาการไว้ด้านล่างนะคะ
สำหรับวันนี้แอดคงต้องไปแล้วไปไว้เจอกันใหม่นะค่าา
Write a comment