โทนเนอร์จำเป็นไหม ใช้แล้วดีต่อผิวหน้าอย่างไร?

โทนเนอร์คืออะไร

โทนเนอร์คือโลชั่นสำหรับเช็ดหน้า มีเนื้อเหลวบางเบาคล้ายน้ำ โมเลกุลเล็ก ส่วนใหญ่ใสไม่มีสี อาจมีกลิ่นหอมตามธรรมชาติจากส่วนผสมบ้าง มีหน้าที่ทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจด ขจัดคราบสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ตามรูขุมขน ไม่ว่าจะเป็นคราบเหงื่อไคล เครื่องสำอาง ฝุ่นผงต่าง ๆ ที่ปลิวมาติดและเกาะอยู่ตามใบหน้า

เพราะการล้างหน้าอย่างเดียวอาจไม่พอ โทนเนอร์จึงเป็นตัวช่วยทำความสะอาดผิวหน้าให้คุณอย่างล้ำลึก นอกจากนั้นยังช่วยปรับสมดุลผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นต่อไปอีกด้วย เรียกได้ว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้สกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ ให้ทำงานได้อย่างเต็มที่คุ้มค่าคุ้มราคามากขึ้น

ประโยชน์ของโทนเนอร์ที่มีต่อผิวหน้า

นอกจากโทนเนอร์จะช่วยทำความสะอาดผิวหน้า แล้วยังมีคุณสมบัติที่ช่วยบำรุงผิวอีกมากมาย จนคุณอาจคาดไม่ถึงเลยทีเดียว จะมีอะไรบ้างนั้น ไปอ่านกันเลยค่ะ

1.ทำความสะอาด ขจัดสิ่งสกปรก

คราบสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ตามรูขุมขน ไม่ว่าจะเป็นคราบแป้ง รองพื้น ครีมกันแดด หรือเหงื่อจากตัวเรา ไหนจะฝุ่นผงละอองอื่น ๆ อีกล่ะ ซึ่งการล้างหน้าอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำความสะอาดให้ลึกถึงรูขุมขนเหล่านั้นได้ โทนเนอร์นี่เองจะเป็นตัวช่วยทำความสะอาดผิวคุณได้อย่างล้ำลึกและหมดจดยิ่งขึ้น

2.ปรับสมดุลค่า pH ให้ผิวหน้า

นอกจากโทนเนอร์จะช่วยทำความสะอาดได้อย่างหมดจดแล้ว โทนเนอร์ยังสามารถช่วยปรับสมดุลผิวบนใบหน้าให้เหมาะสมแก่การบำรุงอีกด้วย นั่นก็คือการปรับสมดุลค่า pH นั่นเอง โดยค่า pH ที่เหมาะสมนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 4.7 – 5.75 คือมีความเป็นกรดอ่อน ๆ ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวหน้าจากมลภาวะและการสูญเสียน้ำได้ดียิ่งขึ้น

3.ลดและควบคุมความมัน

นอกจากปรับค่าสมดุลบนใบหน้าแล้ว โทนเนอร์ยังช่วยลดและควบคุมความมันบนใบหน้าอีกด้วย เคยรู้สึกไหมคะเวลาที่ล้างหน้าเสร็จแล้วยังคงหลงเหลือความมันอยู่ นั่นล่ะค่ะที่เรียกว่าความมันส่วนเกิน แต่ถ้าจะล้างซ้ำอีกรอบก็อาจจะทำให้หน้าแห้งตึงได้ หรืออาจจะมันกว่าเดิม เพราะผิวจะผลิตน้ำมันขึ้นมาทดแทนส่วนที่สูญเสียไปนั่นเอง โทนเนอร์จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการลดและควบคุมความมันบนผิวหน้าให้เราค่ะ

4.ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

โทนเนอร์ยังมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ทำให้ผิวกักเก็บน้ำไว้ได้นาน โดยอาจมีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติอย่างว่านห่างจระเข้ วิชฮาเซล หรือน้ำแร่ ที่อ่อนโยนต่อผิว ช่วยเติมน้ำให้ผิวดูอิ่มฟูฉ่ำเด้งน่าสัมผัส

5.กระชับรูขุมขนให้เล็กลง

โทนเนอร์บางตัวยังมีส่วนช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง โดยอาจจะผสมวิตามินบี 6 ลงไป เพื่อเสริมสร้างให้ผิวแข็งแรงแน่นกระชับขึ้น หรืออาจจะเป็นสารสกัดจากหญ้าหนวดแมว ที่มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Java Tea ซึ่งมีผลจากการทดลองพบว่าสามารถกระชับรูขุนขนได้

6.ช่วยลดและป้องกันการเกิดสิว

เนื่องจากโทนเนอร์มีหน้าที่หลักคือการชำระล้างสิ่งสกปรกและทำความสะอาดผิว จึงมีสารฆ่าเชื้อแบคทีเรียตามธรรมชาติผสมอยู่ด้วย เช่น น้ำผึ้ง ซึ่งช่วยทำความสะอาดและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวไปพร้อมกัน

7.ช่วยผลัดเซลล์ผิว ปรับผิวให้กระจ่างใส

นอกจากคุณสมบัติดังที่กล่าวมาแล้วนั้น โทนเนอร์บางตัวยังมีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกไป ปรับผิวให้ขาวกระจ่างสว่างสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งนับว่าโทนเนอร์ตัวเดียวแต่มีประสิทธิภาพคุ้มค่าจริง ๆ

โทนเนอร์ที่ดีนั้นเป็นอย่างไร

1.ปราศจากแอลกอฮอล์

แอลกอฮอล์สำหรับบางคนก็อาจจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างหมดจด รู้สึกเย็นสดชื่นสบาย แต่สำหรับคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายนั้น แอลกอฮอล์คือตัวร้ายทำลายผิวดี ๆ นี่เอง ฉะนั้นหากจะเลือกใช้โทนเนอร์ควรเลือกที่ปราศจากแอลกอฮอล์จะดีกว่าค่ะ

2.ไม่ผสมสีสังเคราะห์

สีสันของผลิตภัณฑ์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ดูน่าซื้อน่าใช้ แต่หากเป็นสีที่เกิดจากการสังเคราะห์แล้วนั้น ก็ไม่สมควรมาอยู่บนใบหน้าของเรา เพราะสีสังเคราะห์ก็คือสารเคมีชนิดหนึ่ง ซึ่งอาจจะตกค้างอยู่บนใบหน้าทำให้เกิดสิวหรือการอักเสบขึ้นได้

3.ไม่มีน้ำหอม

กลิ่นหอมของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผิวก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้น่าใช้ เพราะรู้สึกผ่อนคลาย แต่หากเป็นกลิ่นหอมที่ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ ก็ควรหลีกเลี่ยงเสียจะดีกว่า เพราะน้ำหอมนั้นอาจทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดอาการแพ้ขึ้นได้ค่ะ

4.ไม่มีพาราเบน

พาราเบนคือสารเคมีที่มักจะอยู่ในเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารกันเสียอย่างหนึ่ง เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ สามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่บูดเน่าไปเสียก่อน ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตและคิดค้นสารอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติเป็นสารกันเสียโดยไม่ทำร้ายผิวขึ้นมามากมาย เราจึงควรเลือกผลิตภัณฑ์นั้น ๆ มาใช้จะดีกว่าค่ะ

5.ไม่ผสมน้ำมันแร่

น้ำมันแร่ก็เป็นอีกสารหนึ่งที่มักจะอยู่ในเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งส่งผลเสียต่อผิวหน้า แม้ว่าน้ำมันแร่จะมีคุณสมบัติช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นบนผิวหน้าได้ แต่เป็นน้ำมันที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ซึ่งเป็นน้ำมันที่ไม่ได้มาจากธรรมชาติ ร่างกายไม่สามารถดูดซึมได้ ทั้งยังอาจก่อให้เกิดมะเร็งอีกด้วยค่ะ

สรุปแล้วโทนเนอร์จำเป็นต้องใช้ไหม?

สรุปแล้วโทนเนอร์จำเป็นต้องใช้ เพราะเป็นขั้นตอนหนึ่งของการทำความสะอาดและบำรุงผิวหน้า หากขาดโทนเนอร์ไปผลิตภัณฑ์สกินแคร์ต่าง ๆ ก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่ เพราะใบหน้าของเราสะอาดไม่เพียงพอนั่นเอง

สารบำรุงผิวจึงไม่สามารถดูดซึมลงไปได้ และอาจจะอุดตันอยู่ตามรูขุมขนแทน นอกจากนั้นผิวหน้ายังต้องการการปรับสมดุลผิวหรือค่า pH ให้เหมาะแก่การบำรุงอีกด้วย เราจึงจำเป็นต้องใช้โทนเนอร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้าที่ขาดไม่ได้จริง ๆ ค่ะ