เรื่องความสวยความงามบนใบหน้าเป็นอีกสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจ เพราะเป็นหนึ่งในวิธีการดูแลตัวเองให้สดใสอยู่เสมอ หลายคนจึงสรรหาสารพัดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์ประเภทต่าง ๆ เช่น เอสเซนส์ เซรั่ม เจล โลชั่น ครีม เป็นต้น ซึ่งแต่ละอย่างมีความแตกต่างกันไป โดยแต่ละตัวจะมีลักษณะและเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน บางตัวเนื้อบางเบา เหลวใสเหมือนน้ำ บางตัวเนื้อหนัก ขุ่นข้นเช่นครีม ซึ่งก็ต้องมีลำดับในการลงสกินแคร์แต่ละตัวอย่างถูกต้อง เพื่อดึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เหล่านั้นออกมาให้ได้มากที่สุดนั่นเอง
ประเภทของสกินแคร์แต่ละชนิด
- เอสเซนส์ (Essence)
เอสเซนส์หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกว่าน้ำตบ มีลักษณะบางเบาเหมือนน้ำ เนื้อเหลวกว่าเซรั่ม คุณสมบัติหลักคือช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้า ทำให้ดูมีออร่าอิ่มน้ำฉ่ำเด้ง เป็นเสมือนเกราะป้องกันผิวด่านแรกสุด เหมาะกับคนที่มีผิวมันและผิวแพ้ง่าย เพราะเนื้อบางเบาและอ่อนโยนต่อผิวบอบบาง เป็นสกินแคร์ที่ควรใช้ลงตัวแรกสุด หลังจากล้างหน้าทำความสะอาดและตามด้วยโทนเนอร์แล้ว วิธีใช้ก็เพียงหยดน้ำตบหรือเอสเซนส์ลงบนฝ่ามือ จากนั้นก็ตบเบา ๆ ไปที่บริเวณแก้มและจมูก โดยเว้นบริเวณดวงตาไว้ และให้ฝ่ามือแนบชิดกับผิวหน้ามากที่สุด จากนั้นค่อย ๆ ตบย้ำเบา ๆ เพื่อให้น้ำตบซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น และเปลี่ยนตำแหน่งมาตบเบา ๆ ที่หน้าผากและคาง
2. เซรั่ม (Serum)
เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อุดมไปด้วยสารอาหารเข้มข้นมากที่สุด มีเนื้อสัมผัสเหลวบางเบา โมเลกุลเล็ก จึงซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ไว ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวอย่างมีประสิทธิภาพ กู้หน้าพังที่โทรมให้กลับมาสดใส เปล่งปลั่ง แข็งแรง ดูมีสุขภาพดีขึ้นอีกครั้ง เซรั่มมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบขวดปั้ม แบบหยด และแบบซอง ซึ่งแบบหยดลงตรงหน้าโดยตรงจะดีที่สุด แล้วใช้นิ้วมือที่สะอาดกดลงเบา ๆ และเกลี่ยให้ทั่วใบหน้า ความอุ่นของมือจะทำให้รูขุมขนเปิดเพื่อรับการบำรุงจากเซรั่มได้อย่างเต็มที่
3. เจล (Gal)
เจลคือสกินแคร์ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ปราศจากน้ำมัน จึงไม่ทำให้อุดตันรูขุมขน สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ซึมซาบลงสู่ผิวได้ง่ายกว่าครีมและโลชั่น เหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย เพราะไม่ระคายเคือง ไม่ก่อให้เกิดสิว ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ แสบ แดง คัน สามารถใช้ได้ทุกวัน แต่เนื้อเจลจะหนักกว่าเอสเซนส์และเซรั่ม จึงต้องทาที่หลังสองตัวนี้ โดยปาดครีมออกมาจากกระปุกพอประมาณ หรือบีบออกมาจากหลอดไม่มากไม่น้อยเกินไป แล้วค่อย ๆ ทาหรือเกลี่ยให้ทั่วหน้าและลำคออย่างเบามือ ทิ้งไว้สักครู่ให้เนื้อเจลซึมซาบเข้าสู่ผิว แล้วค่อยลงสกินแคร์ตัวถัดไปค่ะ
4. โลชั่น (Lotion)
โลชั่นคือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมากกว่าน้ำมัน เนื้อเหลวกว่าครีม ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของน้ำนม ซึ่งเป็นรูปแบบที่นิยมใช้กันมากที่สุด เพราะทาแล้วสามารถให้ความชุ่มชื้นโดยไม่รู้สึกเหนอะหนะที่ผิว ดูดซึมได้ดี ล้างออกได้ง่าย ทาแล้วรู้สึกสบายผิว ส่วนอีกประเภทหนึ่งจะไม่ค่อยนิยมใช้ เพราะเวลาทาแล้วมักจะรู้สึกเหนอะหนะผิว เช่น โลชั่นกันแดดที่มีคุณสมบัติกันน้ำด้วย จึงมักไว้ใช้เฉพาะตอนลงเล่นน้ำเท่านั้น โลชั่นเหมาะสำหรับคนที่มีผิวธรรมดาและผิวผสมที่มีความมันเฉพาะจุด แต่คนผิวมันก็ใช้ได้เช่นกัน โดยต้องเลือกโลชั่นที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือเป็นแบบ oil free นั่นเอง
5. ครีม (Cream)
ครีมเป็นผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีความเข้มข้นมากที่สุด โดยมักจะมีส่วนผสมของน้ำมันมากกว่าน้ำ ใช้เวลาดูดซึมเข้าสู่ผิวนานกว่าสกินแคร์ตัวอื่น ๆ เหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง เพราะจะให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหน้าได้ดี แต่ต้องหมั่นรักษาความสะอาด เพราะอาจทิ้งคราบไว้บนผิวหน้าหรือในรูขุมขนจนเกิดการอุดตันได้ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวนั่นเอง ครีมมักอยู่ในกระปุกทั่วไป เวลาใช้ก็ปาดเนื้อครีมในปริมาณที่พอเหมาะ แล้วนำมาทาหรือเกลี่ยให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ ครีมควรเป็นสกินแคร์ลำดับสุดท้ายที่ใช้ เพราะมีโมเลกุลใหญ่ เนื้อหนัก ทำให้ซึมซาบได้ช้า หากทาก่อนตัวอื่น อาจทำให้ประสิทธิภาพของสกินแคร์ตัวนั้นลดลง เพราะไม่สามารถซึมลงสู่ผิวได้นั่นเอง
ขั้นตอนการทำความสะอาดและดูแลผิวหน้า
- ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าต่าง ๆ เช่น คลีนเซอร์ โฟมล้างหน้า หรือเจลล้างหน้า หากแต่งหน้ามาก็อย่าลืมลบเครื่องสำอางด้วยรีมูฟเวอร์หรือคลีนซิ่งก่อน เพื่อไม่ให้เครื่องสำอางตกค้างบนใบหน้า
- ปรับสภาพผิวหน้าให้สมดุลพร้อมรับการบำรุงด้วยโทนเนอร์ โดยหยดโทนเนอร์บนแผ่นสำลีประมาณ 2-3 หยด และลูบไล้ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ขั้นตอนนี้จะเป็นการปรับค่า pH ของผิวให้พร้อมรับการบำรุงอย่างเต็มที่
- บำรุงผิวด้วยเอสเซนส์หรือน้ำตบก่อนเป็นอันดับแรก โดยหยดน้ำตบลงบนฝ่ามือ 2-3 หยด แล้วนำมาตบเบา ๆ ที่หน้า เพื่อให้เอสเซนส์ซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้น ทิ้งไว้สักครู่เพื่อรอการบำรุงขั้นต่อไป
- ต่อจากนั้นให้หยดเซรั่มบนใบหน้าโดยตรงประมาณครึ่งหลอด แล้วเกลี่ยให้ทั่วใบหน้า พร้อมกับตบเบา ๆ เพื่อให้เนื้อเซรั่มซึมเข้าสู่ผิว ทิ้งไว้สักครู่เพื่อรอการบำรุงขั้นต่อไป
- ตามด้วยทาเจลบำรุงผิวหน้า โดยปาดเนื้อเจลมาป้ายตรงบริเวณหน้าผาก แก้มทั้งสองข้าง และคาง จากนั้นเกลี่ยให้ทั่วหน้าและลำคอในทิศทางย้อนขึ้น เพื่อให้เนื้อเจลซึมเข้าไปในรูขุมขนได้ไว ทิ้งไว้สักครู่เพื่อรอการบำรุงขั้นถัดไป
- หากใครมีโลชั่น ก็อย่าลืมทาและเกลี่ยให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอก่อนเช่นกัน ในทิศทางย้อนขึ้นเช่นเดิม ทิ้งไว้สักครู่เพื่อรอการบำรุงผิวขั้นสุดท้าย
- ตบท้ายด้วยครีม สกินแคร์ที่มีเนื้อหนักและเข้มข้นมากที่สุด โดยปาดเนื้อครีมจากกระปุกมาแต้มบริเวณหน้าผาก แก้มและคาง เกลี่ยให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอในทิศทางย้อนขึ้น เป็นอันเสร็จขั้นตอนการบำรุงผิวหน้าทั้งหมด
สรุปเจลกับเซรั่มทาอะไรก่อน-หลัง?
ในที่สุดเราก็ได้ไขความกระจ่างให้คุณแล้วว่าระหว่างเจลกับเซรั่มต้องทาเซรั่มก่อนนั่นเอง เพราะมีโมเลกุลที่เล็กกว่า เนื้อเหลวบางเบากว่า และดูดซึมได้เร็วกว่า หากทาเจลก่อนเซรั่ม อาจทำให้ไม่ได้ผลลัพธ์เต็มประสิทธิภาพ เพราะเนื้อเจลจะไปปิดกั้นไม่ให้เซรั่มซึมเข้าสู่ผิวหน้า ส่วนใครที่มีสกินแคร์ตัวอื่น ๆ ด้วย ก็อย่าลืมใช้ตามลำดับขั้นตอนที่อยู่ด้านบนนะคะ เพื่อให้สกินแคร์แต่ละตัวได้ทำหน้าที่บำรุงผิวหน้าของคุณได้อย่างสมบูรณ์