ไม่อยากมีใบหน้าหย่อนคล้อย แก่ก่อนวัย ฟังทางนี้!

ความฝันของสาวๆ หลายคนคงหนีไม่พ้นการมีรูปร่างหน้าตาที่ดี ผิวพรรณผ่องใส นอกจากเป็นที่ดึงดูดจากสายตาของคนรอบข้างแล้ว ยังเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองอีกด้วย แต่กว่าจะได้ผิวพรรณที่สวยไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากต้องการได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ เช่นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การขยันออกกำลังกาย การทาครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา

เคยแปลกใจไหมว่าทำไมตอนเด็กๆ หรือตอนที่เรายังวัยรุ่น เราถึงมีผิวหน้าที่เรียบเนียน นุ่มตึง แลดูอ่อนเยาว์ ทั้งๆ ที่เราก็ยังคงใช้ชีวิตแบบเดิม ทานอาหารแบบเดิม คำตอบในใจหลายคนคงตอบว่า เพราะแก่ขึ้นยังไงล่ะ ซึ่งเป็นคำตอบที่ถูก แต่แล้วทำไมเมื่อเราแก่ขึ้น ผิวหน้า ผิวพรรณที่เคยดีถึงมีริ้วรอย และไม่เต่งตึง เรียบเนียนเหมือนตอนวันรุ่นกันล่ะ?

เมื่อเราอายุมากขึ้นผิวหน้าของเราเริ่มหย่อยคล้อยลง สาเหตุมาจากคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพลงตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งคอลลาเจนคือโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่พบมากที่สุดในร่างกาย โดยพบว่ามีปริมาณคอลลาเจนถึงหนึ่งในสามของปริมาณโปรตีนที่มีทั้งหมดในร่างกาย คอลลาเจนนั้นมีหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้กับเนื้อเยื่อของร่างกาย เปรียบเสมือนตัวเชื่อมที่คอยยึด คอยเกาะเซลล์ต่างๆ เข้าด้วยกัน คอลลาเจนมีอยู่ในอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะในผิวหนังที่มีคอลลาเจนอยู่ด้วยมากที่สุด รวมไปจนถึงกระดูก กระดูกอ่อน และหลอดเลือด ทำให้เนื้อเยื่อแข็งแรงไม่ยุบบุ๋ม เซลล์ต่างๆ แข็งแรง เชื่อม และยึดเกาะตัวกันแน่น เมื่อเรายังเด็ก คอลลาเจนในร่างกายจึงมีอยู่ในปริมาณมาก มีการสังเคราะห์คอลลาเจนอย่างเต็มสมบูรณ์ แต่เมื่ออายุมากขึ้น ไปจนถึงปัจจัยหลายๆ อย่าง ที่ทำให้คอลลาเจนเสื่อมตัวลง ฉะนั้นคอลลาเจนจึงเป็นองค์ประกอบหลักที่ทำให้ผิวหน้า ผิวพรรณของเราเต่งตึง ดูอ่อนกว่าวัย แล้วเราจะสามารถหาเติมคอลลาเจนให้กับผิวด้วยวิธีไหนกันบ้างล่ะ?

เติมคอลลาเจนให้ผิว

แล้วเราจะสามารถเติมคอลลาเจนได้จากที่ไหนบ้าง?

1. การรับประทานคอลลาเจนในรูปแบบอาหารเสริม

สมัยนี้มีอาหารเสริมซึ่งหลากหลายแบรนด์ได้ผลิตคอลลาเจนออกมาทั้งแบบชงดื่ม และแบบเม็ด มีให้เลือกทานหลากหลายปริมาณ ทั้งแบบคอลลาเจน 4500 มิลลิกรัม หรือคอลลาเจน 10000 มิลลิกรัม ซึ่งตัวคอลลาเจนก็มีให้เลือกหลากหลายประเภท ทั้งคอลลาเจนเปปไทด์ที่มีขนาดโมเลกุล 2,000 ดาลตัน, คอลลาเจนไตรเปปไทด์ มีขนาดโมเลกุล 1,500 ดาลตัน, คอลลาเจนไดเปปไทด์ มีขนาดโมเลกุลเล็กมากเพียงแค่ 200 ดาลตัน ซึ่งคอลลาเจนที่กล่าวถึงล้วนมีจำนวนโมเลกุลที่แตกต่างกัน โดยคอลลาเจนที่มีโมเลกุลเล็กมากที่สุด จะมีประสิทธิภาพในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างดีที่สุด นั่นก็คือ คอลลาเจนไดเปปไทด์นั่นเอง

ซึ่งจำนวนคอลลาเจนที่ร่างกายต้องการ คือคอลลาเจน 10000 มิลลิกรัม ต่อวัน ซึ่งคอลลาเจน10000 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นปริมาณที่เพียงพอที่ร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากได้รับคอลลาเจนในปริมาณที่มากเกินกว่านี้ อาจก่อให้เกิดอันตรายได้

2. การเติมคอลลาเจนในรูปแบบผลิตภัณฑ์ดูแลผิว

พบว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมากมายในปัจจุบันล้วนแต่มีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะเป็นครีมบำรุงผิว มาร์กหน้า เป็นต้น

3. อาหารที่เราทานในชีวิตประจำวัน

คอลลาเจนสามารถพบได้ในอาหารที่เราทาน ซึ่งล้วนมีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบด้วยกันทั้งสิ้น อาทิ

• ปลา เป็นแหล่งโปรตีนและแหล่งผลิตคอลลาเจนชั้นเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นปลาทูน่า หรือปลาแซลมอน
• อโวคาโด มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้น มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และมีสเตอรอยด์ช่วยให้รอวรอย และสิวลดลงได้
• ถั่ว เต็มไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิน มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย และเร่งการสร้างเซลล์ในชั้นผิว อีกทั้งยังเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันการก่อตัวของริ้วรอยและสิวอีกด้วย
• ผักใบเขียว ช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจนให้กับผิว มีคลอโรฟิลล์ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
• ไข่ เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพ อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งคอลลาเจนชั้นดี และยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
• มะกอก ไม่ว่าจะเป็นมะกอกเขียว หรือมะกอกดำ ล้วนเป็นแหล่งคอลลาเจนชั้นดี ช่วยลดการหย่อนคล้อยและเหี่ยวย่นของผิว
• แครอท สามารถควบคุมการไฟลเวียนของเลือด นอกจากนี้ยังป้องกันการสลายตัวของคอลลาเจนและอีลาสตินของผิวได้อีกด้วย
• วิตามินซี ก่อให้เกิดพันธะระหว่างกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน ดังนั้น การทานวิตามินควบคู่ไปกับคอลลาเจนจะทำให้การดูแลผิวพรรณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
• ชาขาว มีผลวิจัยระบุไว้ว่า ชาขาวเต็มไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังเป็นแหล่งของโปรตีนที่พบในเซลล์ผิว โดยเฉพาะคอลลาเจน ซึ่งก็ทำหน้าที่ต้านเอนไซม์ที่คอยทำลายผิวพรรณให้หย่อยคล้อย